All-new Daihatsu Mira Tocot 2018 รถมินิมอล น่ารัก

All-new Daihatsu Mira Tocot 2018 เคคาร์รุ่นใหม่ล่าสุดของ Daihatsu เปิดตัวญี่ปุ่น แทนที่ Daihatsu Mira Cocoa ด้วยดีไซน์อันเรียบง่ายยิ่งกว่าเดิม แต่น่ารักเบอร์แรงเว่อร์ โดย All-new Daihatsu Mira Tocot 2018 จะมีให้เลือก 4 รุ่นย่อย 3 สไตล์ สวยหวาน เรียบหรูและลุคเท่ ส่วนราคาเริ่มต้นก็แค่ 1.07 ล้านเยน เท่านั้นเอง

Daihatsu Mira Tocot 2018

All-new Daihatsu Mira Tocot2018 เปิดตัวในญี่ปุ่น เพื่อมาแทนที่ Daihatsu Mira Cocoa เคคาร์รุ่นก่อนหน้าของ Daihatsu ด้วยรูปทรง 2 กล่อง สุดแสนจะมินิมอลเว่อร์ แต่ความน่ารักมุ้งมิ้งนั้นพุ่งมาก แถมอุปกรณ์ความปลอดภัยทันสมัยยังเกินตัวในราคาเบา ๆ คือดีจนน่าอิจฉา

          ถ้าสาว ๆ เห็นแล้วกรี๊ดก็คงไม่แปลก เพราะ All-new Daihatsu Mira Tocot2018 ถูกออกแบบมาให้น่ารักเพื่อมัดใจสุภาพสตรีกันโดยเฉพาะ โดย All-new Daihatsu Mira Tocot2018 จะมีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่นย่อย ได้แก่ บาคาร่า สูตรบาคาร่า

          – รุ่นย่อย L                                 ราคา 1,074,600 เยน (3.21 แสนบาท)
          – รุ่นย่อย L “SA III”                     ราคา 1,139,400 เยน (3.40 แสนบาท)
          – รุ่นย่อย X “SA III”                    ราคา 1,220,400 เยน (3.65 แสนบาท)
          – รุ่นย่อย G “SA III”                    ราคา 1,296,000 เยน (3.87 แสนบาท)

* ขับเคลื่อน 4 ล้อ เพิ่ม 129,000 เยน (38,700 บาท)

          นอกจากดีไซน์สุดตะมุตะมิแล้ว All-new Daihatsu Mira Tocot2018 ใหม่ ยังมีสีตัวถังแบบโมโนโทนให้เลือกถึง 8 สี และทูโทน (บริเวณหลังคากับคาดกันชนหน้า เป็นลาย Texture คล้ายผ้ากระสอบ) อีก 4 คู่สี (เพิ่มเงิน) แต่ถ้าแค่เลือกสีตัวถังยังไม่สนุกพอ สามารถเลือกสไตล์การตกแต่ง (จ่ายเงินเพิ่ม) เพื่อให้มีบุคลิกแตกต่างกันได้ถึง 3 แบบ คือ

          – Sweet Style
          – Elegant Style
          – Cool Style

           ส่วนภายในของ All-new Daihatsu Mira Tocot2018 ก็ไม่มีอะไรมาก เรียบง่ายตามแบบฉบับของเคคาร์ทั่วไป แค่เน้นการใช้คอมบิเนชั่นสีให้ออกมาในโทนอบอุ่น สบาย ๆ ด้วยสีดำ ขาวและครีม เบาะผ้าสีเบจอ่อนลายกระสอบให้ผิวสัมผัสอ่อนนุ่มแต่ทนทาน ซึ่งหากเป็นรุ่นย่อย G “SA III” จะได้กระจกรถกันรังสียูวีและอินฟราเรด รวมถึงระบบอุ่นเบาะเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

Daihatsu Mira Tocot 2018

          ทางด้านขุมพลัง All-new Daihatsu Mira Tocot2018 ใช้เครื่องยนต์ขนาดความจุ 660 ซี.ซี. ตามเพดานสูงสุดที่กำหนดไว้สำหรับเคคาร์ ให้กำลัง 52 แรงม้า และแรงบิด 60 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ส่งผลให้อัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน JC08 นั้นอยู่ที่ 29.8 กม./ลิตร สำหรับรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 27 กม./ลิตร หากเป็นรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ

ภายในของ Daihatsu Mira Tocot 2018

          ทั้งนี้ระบบความปลอดภัยของ All-new Daihatsu Mira Tocot2018 รุ่นย่อยที่พ่วงท้ายด้วยรหัส “SA III” หรือ Smart Assist III จะมีอุปกรณ์ทันสมัยครบถ้วน ได้แก่

          – ระบบป้องกันการชนด้านหน้า
          – ระบบรักษาช่องทางจราจร
          – ระบบป้องกันการเร่งเครื่องโดยไม่ตั้งใจ (หากด้านหน้าหรือด้านหลังมีสิ่งกีดขวาง)
          – ระบบแจ้งเตือนเมื่อรถคันหน้าออกตัว (ระบบจะทำงานเมื่อเท้าเหยียบแป้นเบรก)
          – ระบบลดไฟสูงอัตโนมัติ          และทุกรุ่นย่อยของ All-new Daihatsu Mira Tocot 2018 จะติดตั้งถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เป็นต้น

ภายในของ Daihatsu Mira Tocot 2018

          ไม่รู้เหมือนกันว่าคนญี่ปุ่นจะรู้สึกชินกับรถเคคาร์หน้าตาน่ารักที่มีมากมายให้เลือกมากน้อยแค่ไหน แต่สำหรับเราแล้ว เคคาร์ยังคงเป็นของน่ารักแปลกตาน่ามองเสมอและแสดงถึงความเป็นเจแปนิสสไตล์แบบที่ชาติใดก็เลียนแบบได้ยากจริง ๆ

ที่มา : PG SLOT , PG SLOT , PG SLOT

NIO ES8 เทคโนโลยีล้ำ งานดีไซน์ไม่เป็นรองใคร

NIO ES8 รถ SUV ไฟฟ้าล้วน (BEV) จะเปลี่ยนมุมมองรถจีนของคุณใหม่ ด้วยเทคโนโลยีล้ำและงานดีไซน์ที่ไม่มิเร่อร์แต่พรีเมียมเต็มที่ ซึ่ง NIO ES8 พร้อมปาดหน้า Tesla Model X ในจีนด้วยราคาเพียง 2.2 ล้านบาท

nio electric suv

NIO EP9NIO ES8 รถอเนกประสงค์แบบเอสยูวีไฟฟ้าล้วน (BEV) แบบ 7 ที่นั่ง เกรดพรีเมียม เจ้าของเดียวกับ NIO EP9 ซูเปอร์คาร์ไฟฟ้า เตรียมทยอยส่งมอบในจีนเบื้องต้น 300 คัน งานดีเทคโนโลยีเลิศและดีพอจะเป็นคู่แข่งของ Tesla Model X ซึ่งแพงกว่าเพราะต้องนำเข้า แต่ NIO ES8 นั้นราคาเพียง 448,000 หยวน (2.2 ล้านบาท) สำหรับรุ่นพื้นฐานและ 548,000 หยวน (2.76 ล้านบาท) หากเป็นรุ่นพิเศษ Founder’s Edition แบบยังไม่หักส่วนลดอีก 100,000 หยวน (5 แสนบาท) บาคาร่า สูตรบาคาร่า

          สำหรับงานดีไซน์ของ NIOES8 แม้จะไม่ได้โดดเด่น เว่อร์วังอลังการเหนือกว่ารถ SUV ปกติ แต่ก็ดูดีให้ความรู้สึกพรีเมียมและทันสมัย ด้วยกระจังหน้าแบบ X-Bar ไฟท้ายซิกเนเจอร์ที่ NIO ตั้งชื่อให้ด้วยว่า Spark Beat รวมถึงมือจับประตูเรียบเสมอไปกับผิวตัวถัง กางเปิดออกได้เมื่อปลดล็อก 

Tesla Model X interior

          โครงสร้างตัวถังและแชสซีส์อะลูมิเนียมทั้งคัน พร้อมระบบกันสะเทือนสปริงลมแบบแอคทีฟ (Active air suspension) ส่วนขนาดตัวถังนั้นยาวถึง 4.9 เมตร มีฐานล้อยาว 3 เมตร แต่ต้านลมน้อยมาก ด้วยค่า Cd ต่ำเพียง 0.29 ส่งผลให้ NIOES8 วิ่งได้ไกลสูงสุด 500 กม. (ที่ความเร็ว 60 กม./ชม. หากเป็นมาตรฐาน NEDC จะอยู่ที่ 355 กม.

           ทางด้านภายในห้องโดยสารเน้นบรรยากาศผ่อนคลาย สไตล์โมเดิร์น ไม่หรูหราแต่ทันสมัยและเลือกใช้วัสดุคุณภาพดี เช่น หนัง Nappa เบาะ 3 แถว ออกแบบเป็น 2-3-2 ที่นั่ง แผงหน้าปัดเรียบง่าย ติดตั้งมาตรวัดดิจิทัลและจออินโฟเทนเมนต์ขนาดใหญ่ไว้กลางคอนโซลคล้ายกับของ Tesla แต่ส่วนที่เก๋กว่าคือ AI ชื่อว่า NOMI

          NOMI หรือ AI ใน NIOES8 ถูกออกแบบให้ดูราวกับว่าเป็นสิ่งมีชีวิต อาศัยอยู่ในลูกกลม ๆ บนแผงหน้าปัด สามารถแสดงสีหน้า ขยับ รับฟังคำสั่งและพูดโต้ตอบกับมนุษย์ได้ทั้งจากในรถยนต์โดยตรงหรือผ่านระบบคลาวด์ด้วยสมาร์ทโฟน น่ารักมาก นอกจากนี้ NIOES8 ยังติดตั้งระบบช่วยขับขี่ NIO Pilot ซึ่งติดตั้งเซ็นเซอร์ 23 จุด รอบตัวรถร่วมกับกล้องด้านหน้าที่ใช้เทคโนโลยี EyeQ4 ชิปเซตเวอร์ชั่นล่าสุด Mobileye ที่ออกแบบมาสำหรับระบบขับขี่อัตโนมัติ          ในส่วนขุมพลัง E-powertrain ของ NIOES8 มอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวถูกวางบนเพลาหน้า-หลัง (ขับเคลื่อน 4 ล้อ) ให้กำลังรวมกันสูงสุดถึง 652 แรงม้า และแรงบิด 840 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 4.4 วินาที เร็วราวกับรถสปอร์ตเลยทีเดียว

Nio ES8 interior

Power Mobile อย่างไรก็ตามจุดขายสำคัญของ NIOES8 คือการออกแบบให้สับเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ได้ภายใน 3 นาที ไม่ต้องรอชาร์จไฟให้เสียเวลา (ในปี 2020 NIO วางแผนว่าจะสร้างสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ 1,100 แห่ง ไว้คอยบริการสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 1,200 คัน) นอกจากนี้ยังมี NIO Power Home, super charger network รองรับ รวมถึง Power Mobile หน่วยบริการชาร์จไฟเคลื่อนที่ในกรณีฉุกเฉิน ใช้เวลาในการชาร์จเพียง 10 นาที สามารถวิ่งได้ไกลถึง 100 กม. จึงไม่ต้องกังวลว่าหากไฟหมดกลางทางแล้วจะทำอย่างไร

           ตอนนี้ NIOES8 จะเน้นทำตลาดในจีนเป็นแห่งแรกก่อน ซึ่งกวาดยอดจองไปแล้วจำนวนมากเพราะตอนนี้เรียกว่าแทบจะไร้คู่แข่ง เนื่องจาก Tesla Model X แบบนำเข้านั้นราคาสูงกว่า NIOES8 อยู่พอสมควร

ที่มา : PG SLOT , PG SLOT , PG SLOT

Chevrolet Spin 2019 รถใหม่จำนวน 7 ที่นั่ง

รีวิว Chevrolet Spin 2019 อเนกประสงค์ MPV ที่มากับรูปโฉมภายนอกสุดโฉบเฉี่ยวพร้อมสะกดทุกสายตาให้จับจ้องติดตั้งเบาะนั่งภายในจำนวน 7 ที่นั่ง เคาะราคาเริ่มต้นที่ 7.6 แสน

1. แนะนำ

Chevrolet Spin โฉมใหม่ล่าสุด 2019 รถอเนกประสงค์ MPV ที่แม้จะมียอดขายที่ไม่ค่อยจะดีนักในประเทศไทย

แต่ในตลาดรถยนต์ในละตินอเมริกาโดยเฉพาะบราซิลกลับเรียกกระแสความนิยมได้อย่างล้นหลามพร้อมปล่อยรุ่นใหม่ออกทำตลาดทั้งในรุ่น Chevrolet Spin2019 และ Chevrolet Spin Activ2019

ผ่านการปรับรูปลักษณ์ภายนอกให้โฉบเฉี่ยวตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานในโซนอเมริกาใต้มากยิ่งขึ้นแต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ในแบบ Mini MPV ขนาดเล็ก 7 ที่นั่ง ผสานกับการติดตั้งฟังก์ชั่นภายในมาอย่างครบครัน

เชฟโรเลต สปินที่มีการทำตลาดอยู่ในบราซิลในรุ่นใหม่ล่าสุด Chevrolet Spin2019 มีการปรับโฉมใช้ไฟหน้าและไฟท้ายที่มีความคล้ายคลึงกับในเชฟโรเลตครูส

พร้อมการดีไซน์ภายนอกที่ไม่แต่ต่างจากรุ่นก่อนหน้ามากนัก ส่วนในรุ่น Chevrolet Spin Activ2019

มีการติดตั้งคิ้วกันกระแทกรอบคันแบบเดียวกันกับที่มีการติดตั้งในรถครอสโอเวอร์แต่ก็ยังคงมีส่วนที่แตกต่างอยู่บ้างที่ยางอะไหล่ติดท้ายรถถูกถอดออกไป ส่วนการจำหน่ายภายในประเทศไทยเชฟโรเลตรุ่นนี้ถูกผลิตออกมาทำตลาดเพียง 1 รุ่น ได้แก่ รุ่น 1.5 LTZ ราคา 762,000 บาท ปัจจุบันยกเลิกการจำหน่าย บาคาร่า สูตรบาคาร่า

2. รีวิว Chevrolet Spin2019 จากภายนอก

Chevrolet Spin 2019

รีวิวรถยนต์ Chevrolet Spin2019

Chevrolet Spin2019 ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานรถในกลุ่ม B-Segment

ในขณะเดียวกันก็เพิ่มความโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าแบบ Dual Port สีดำเงา กันชนหน้าพร้อมช่องดักลมขนาดใหญ่

ไฟหน้าแบบใหม่ล่าสุดติดตั้งระบบ Follow-Me-Home ติดตั้งไฟตัดหมอกทั้งด้านหน้า และ ด้านหลัง ฝากระโปรงหน้าแบบใหม่ถูกดีไซน์ให้รับกับตัวรถมากยิ่งขึ้น

อีกทั้งยังได้รับการติดตั้งแร็คหลังคาสีเงินขนาดใหญ่ดูโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด

กระจังหน้าแบบ Dual Port สีดำเงา

กระจังหน้าแบบ Dual Port สีดำเงา

เชฟโรเลต สปินมอบความประทับใจในทุกทริปการเดินทางผ่านกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัวปรับและพับอัตโนมัติผสานกับการติดตั้งชายบันไดสีเงินสุดโฉบเฉี่ยว มือจับประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถ ส่วนในรุ่น Chevrolet Spin Activ2019 มีการติดตั้งคิ้วกันกระแทกรอบคันเพิ่มเข้ามาให้รวมถึงแถบกันกระแทกสีดำเงาตกแต่งบริเวณด้านข้างตัวรถทั้งสองด้าน อีกทั้งยังตกแต่งคิ้วประตูด้วยสีดำเงาเช่นเดียวกันผสานกับเส้นสายรอบคันที่ให้ความรู้สึกสปอร์ตโดนใจนักขับเป็นอย่างมาก

แถบกันกระแทกสีดำด้านข้างตัวรถ

แถบกันกระแทกสีดำด้านข้างตัวรถ

ส่วนด้านหลังเชฟโรเลต สปินได้รับการตกแต่งอย่างประณีตไม่แพ้กันพร้อมไฟท้ายทรงเรียวยาวที่มีความคล้ายคลึงกับในเชฟโรเลต ครูซ สปอร์ต 2018 สปอยเลอร์ด้านหลังแบบใหม่ล่าสุดที่มีขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้นติดตั้งไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED กันชนท้ายตกแต่งด้วยวัสดุโครเมี่ยม แต่สิ่งที่หายไปคือล้ออะไหล่ที่ไม่ได้รับการติดตั้งมาในทั้ง 2 รุ่นย่อย ช่วงล่างได้รับการติดตั้งล้ออัลลอยขนาดใหญ่   

กันชนท้ายตกแต่งด้วยวัสดุโครเมี่ยม

กันชนท้ายตกแต่งด้วยวัสดุโครเมี่ยม

3. รีวิวภายใน Chevrolet Spin2019

คอนโซลหน้าตกแต่งด้วยวัสดุสีเทา

คอนโซลหน้าตกแต่งด้วยวัสดุสีเทา

ภายในของเชฟโรเลต สปิน 2019 ได้รับการตกแต่งอย่างพิถีพิถันภายใต้เฉดสี

ภายในแบบทูโทนดำ-เทา คอนโซลหน้าตกแต่งด้วยวัสดุสีเทา แผงประตูด้านข้างตกแต่งด้วยวัสดุสีเทาสุดโดดเด่น กรอบช่องแอร์ตกแต่งด้วยวัสดุสีเงินโครเมี่ยม

ติดตั้งเบาะนั่งภายในจำนวน 7 ที่นั่ง โดยเบาะนั่งเป็นแบบหุ้มหนังตกแต่งด้วยเฉดสีทูโทนดำ-เทาเย็บเก็บตะเข็บด้วยด้ายสีเหลืองพร้อมปักอักษร Activ บนพนักพิงหลัง

เพิ่มความพิเศษมากยิ่งขึ้นด้วยเบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถปรับเลื่อนไปด้านหน้า 50 มิลลิเมตร และ สามารถขยับไปด้านหลังได้ 60 มิลลิเมตร ช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้กับผู้โดยสารในตอนกลางมากยิ่งขึ้น

เบาะนั่งติดตั้งสัญลักษณ์ Activ

เบาะนั่งติดตั้งสัญลักษณ์ Activ

เพิ่มความสปอร์ตมากยิ่งขึ้นด้วยมือจับประตูด้านในแบบโครเมี่ยมล้ำหน้า

ด้วยกระจกมองหลังปรับแสงแบบอัตโนมัติพร้อมระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติอีกเช่นเดียวกัน

อีกทั้งยังได้รับการติดตั้งฟีเจอร์อำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานอีกมากมาย อาทิ หน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบ MID

พร้อมมาตรวัดการขับขี่แบบประหยัดตกแต่งด้วยชิ้นส่วนพลาสติกสีเงินเพิ่มความโฉบเฉี่ยวได้เป็นอย่างดี พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบ 3 ก้านพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง และ บริเวณคอนโซลเกียร์ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงา

รีวิวรถยนต์ 7 ที่นั่งที่น่าซื้อที่สุด ปี 2018 ตามสไตล์ครอบครัวคุณ

เบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถพับราบกับพื้นได้

เบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถพับราบกับพื้นได้

Chevrolet Spin2019 ให้ความบันเทิงผ่านระบบอินโฟเทนเมนท์บนหน้าจอทัชสกรีนขนาดใหญ่รองรับ Apple Carplay และ Android Auto รองรับการเชื่อมต่อข้อมูลไร้สายผ่านสัญญาณบลูทูธ และ ระบบนำทาง Navigator พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB วิทยุ CD/MP3 ให้เสียงกระหึ่มผ่านลำโพงกว่า 4 จุด นอกจากนี้แล้วเชฟโรเลต สปินยังได้รับการติดตั้งระบบเซ็นทรัลล็อกและปุ่มกดไฟฉุกเฉินรูปแบบใหม่ อีกทั้งยังเพิ่มพื้นที่จัดเก็บสัมภาระด้านหลังขนาดใหญ่มากขึ้นถึง 162 ลิตร

พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบ 3 ก้าน

พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบ 3 ก้าน

4. รีวิวเครื่องยนต์ Chevrolet Spin2019

Chevrolet Spin เพิ่มความประทับใจให้แก่ผู้ขับขี่ภายใต้การติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่ Dual-VVT-i ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 107 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 148 นิวตัน-เมตร ที่ 3,800 รอบ/นาที ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบหัวฉีดมัลติพอยท์ (Multi-Point Fuel Injection) ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบ Driver Shift Control ให้การประหยัดน้ำมันได้อย่างดีเยี่ยม

เครื่องยนต์เบนซิน DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว Dual-VVT-i ขนาด 1.5 ลิตร

เครื่องยนต์เบนซิน DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว Dual-VVT-i ขนาด 1.5 ลิตร

ทั้งนี้ระบบ Dual VVT-I ที่ได้รับการติดตั้งเข้ามาในรถรุ่นนี้เป็นการเพิ่มชุดแปรผันบริเวณแคมไอเสียอีกชุดเพื่อให้การเปิด-ปิดวาล์วทั้งในฝั่งไอดีและไอเสียให้มีความสมดุลกัน อีกทั้งยังสามารถตอบสนองอัตราการเร่งของผู้ขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม โดยจะประสานการทำงานร่วมกับระบบ VVT-I ซึ่งทำหน้าที่ในการควบคุมเปิด-ปิดวาล์วไอดีและไอเสียซึ่งการเปิดและปิดวาล์วจะขึ้นอยู่กับความต้องการของเครื่องยนต์ 

คอนโซลเกียร์ตกแต่งด้วยสีดำเงา

คอนโซลเกียร์ตกแต่งด้วยสีดำเงา

ส่วนระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบ Driver Shift Control ถือว่าสามารถให้การเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างนุ่มนวลไร้ซึ่งอาการกระตุกตอบสนองต่อทุกอัตราการเร่งได้อย่างรวดเร็วซึ่งถือเป็นนวัตกรรมระบบส่งกำลังแบบใหม่จากฟอร์ดที่มุ่งเน้นให้ระบบเกียร์มีการทำงานอย่างสอดคล้องกับเครื่องยนต์เพื่อช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับเคลื่อนได้อย่างเต็มที่และสามารถประหยัดน้ำมันได้มากยิ่งขึ้น 

5. รีวิวระบบความปลอดภัย Chevrolet Spin 2019

Chevrolet Spin 2019 พร้อมมอบความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่ในทุกเส้นทางผ่านระบบไฟส่องสว่างภายหลังการดับเครื่องยนต์แบบ Follow-Me-Home เสริมด้วยระบบกุญแจป้องกันการโจรกรรมแบบ Immobilizer พร้อมระบบกันขโมยและสัญญาณป้องกันการโจรกรรมที่ถือเป็นจุดเด่นของรถรุ่นนี้ รวมถึงระบบเซ็นทรัลล็อก ระบบเบรกป้องกันล้อล็อกแบบ ABS ถุงลมนิรภัยแบบ SRS ในด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า

ช่วงล่างอิสระแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท

ช่วงล่างอิสระแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท

อีกทั้งยังได้รับการติดตั้งเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับอัตโนมัติ โดยในแถวที่ 1 ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด ในตำแหน่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า (Pretensioner & Load Limit) เบาะนั่งแถวที่ 2 ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด ในตำแหน่งผู้โดยสารด้านนอกซ้าย-ขวา และ แบบ 2 จุด ในตำแหน่งตรงกลาง ส่วนในแถวที่ 3 ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด ในตำแหน่งเบาะนั่งด้านซ้าย-ขวา พร้อมไฟสัญญาณเตือนการลืมคาดเข็มขัดนิรภัย

เทคโนโลยีวัสดุซับเสียงรบกวนและแรงสั่นสะเทือน (NVH)

เทคโนโลยีวัสดุซับเสียงรบกวนและแรงสั่นสะเทือน (NVH)

6. สรุป

Chevrolet Spin 2019 มอบความประทับใจให้แก่ผู้ขับขี่ได้ในทุกเส้นทางพร้อมเบาะนั่งภายในที่มีการติดตั้งมาให้ถึง 7 ตำแหน่งผสานกับฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกสุดครบครันทั้งจากพวงมาลัยพาวเวอร์แบบมัลติฟังก์ชั่นสามารถปรับระดับสูง-ต่ำได้ กระจกไฟฟ้า ไฟหน้าติดตั้งระบบ Follow-Me-Home ผสานกับเส้นสายบนตัวรถที่ดูดุดันแต่แฝงไว้ด้วยความสปอร์ตเร้าใจตอบโจทย์รถครอบครัวที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานจริง โดยมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นประมาณ 7.6 แสน นับว่าน่าสนใจเลยทีเดียวสำหรับรถรุ่นนี้  

ที่มา : PG SLOT , PG SLOT , PG SLOT

Fiat 500 Spiaggina 58 รุ่นพิเศษ ครบรอบ 60 ปี

Fiat 500 Spiaggina 58 รุ่นพิเศษ ฉลองครบรอบ 60 ปี Fiat 500 Jolly Spiaggina by Ghia ซึ่งคล้ายกับเฟียตเมืองนนท์ แต่ความจริงออกแบบมาเพื่อขับในเมืองริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอย่างอิตาลี Fiat 500 Spiaggina 58 เลยน่ารักและชิคมากหน่อย บาคาร่า สูตรบาคาร่า

          Fiat พาย้อนเวลาไปสู่ยุคแห่งคืนวันอันแสนสุข (Dolce Vita era) อีกครั้ง ด้วย Fiat 500 Spiaggina58 เนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปี Fiat 500 Jolly Spiaggina ปี 1958 รถซูเปอร์มินิซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่จะทำให้นึกถึงบรรยากาศเมืองตากอากาศอันสวยงามริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอย่างคาปรีในอิตาลี คล้ายกับเมื่อเวลาเราพูดถึงเมืองนนท์ หลายคนอาจนึกถึง “เฟียตเมืองนนท์” อะไรทำนองนั้น

          โดย Fiat 500 Spiaggina58 เป็นการนำเอา Fiat 500 Jolly Spiaggina ที่เริ่มออกวางขายในปี 1958 (หลัง Fiat 500 เปิดตัวในปี 1957)  มาตีความใหม่ ซึ่งแต่เดิมถูกออกแบบมาเป็นพิเศษโดยสำนัก Ghia ให้เป็นรถเปิดหลังคา ขึงโครงผ้าใบ ไม่มีประตูด้านข้าง สำหรับขับในเมืองตากอากาศในอิตาลี เช่น ใช้รับแขกที่มาท่องเที่ยวจากท่าจอดเรือยอชท์ ขับรับลมชมบรรยากาศยามค่ำคืนในคาปรี เป็นอะไรที่โรแมนติกมาก

Fiat 500 Jolly Spiaggina          ทั้งนี้คำว่า Jolly เป็นภาษาอิตาลี แปลได้หลายความหมาย ทั้งเบา สนุกสนาน น่ารัก ส่วนคำว่า Spiaggin แปลว่าชายหาด แต่ Spiaggina สื่อถึง Beach Buggy ในภาษาอังกฤษ คือรถชายหาด ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา และ Fiat 500 Jolly Spiaggina รุ่นพิเศษ ในปี 1958 นี้มีราคาเป็นสองเท่าของ Fiat 500 ปกติ ถือว่าแพงมาก

          เช่นกัน Fiat 500 Spiaggina58 ปี 2018 ใหม่ ก็จะเป็นรถดีไซน์เรโทรรุ่นพิเศษเพื่อรำลึกอดีต ออกแบบโดย Pininfarina (เพราะ Ghia ปัจจุบันอยู่ในเครือ Ford ไปแล้ว) ตกแต่งสีตัวถังด้วยสีฟ้า Volare Blue (เฉดสีฟ้าหนึ่งในสีของ Fiat 500 Jolly Spiaggina ปี 1958) มีหลังคาผ้าใบสีเบจ ถลกเปิดได้ถึงท้ายรถที่ยังคงเสากรอบกระจกไว้ทั้งแผงแบบรุ่น Soft Top ปกติ (แม้อาจโรแมนติกน้อยกว่าต้นฉบับ แต่ไม่เปลืองต้นทุน) ส่วนล้อเป็นกระทะสีขาว ขนาด 16 นิ้ว ฝาครอบดุมล้อสีเงินแบบปี๊บขนมปัง สไตล์วินเทจ

          ภายในของ Fiat 500 Spiaggina58 ปี 2018 ใหม่ ไม่ต่างจาก Fiat 500 โฉมปัจจุบันที่ดูดีอยู่แล้ว แค่ตกแต่งแผงหน้าปัดเป็นสีเดียวกับภายนอกตัดกับสีเทา พร้อมโลโก้แนววินเทจบนพวงมาลัย นอกเหนือจากนี้ Fiat 500 Spiaggina 58 ปี 2018 ก็ติดตั้งฟีเจอร์ทันสมัยมาครบถ้วนตามแบบรถยุคใหม่ ทั้งจออินโฟเทนเมนต์ ขนาด 7 นิ้ว แบบสัมผัส รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto

          ส่วนทางด้านขุมพลัง Fiat 500 Spiaggina58 ปี 2018 ใหม่ ใช้เครื่องยนต์เบนซิน TwinAir แบบ 2 สูบ ขนาด 900 ซี.ซี. ให้กำลังสูงสุด 85 แรงม้า และเครื่องยนต์เบนซิน TwinAir แบบ 4 สูบ ขนาด 1,200 ซี.ซี. ให้กำลังสูงสุด 69 แรงม้า ให้เลือกใช้งาน

          Fiat 500 Spiaggina58 ปี 2018 ใหม่ จะผลิตแบบจำกัดจำนวนในฐานะรุ่นที่ชิคเป็นพิเศษ เพียง 1,958 คัน ตามปีที่เริ่มจำหน่าย Fiat 500 Jolly Spiaggina หากใครชอบย้อนอดีตและความโรแมนติกแบบน่ารัก ๆ คงต้องผ่านเกรย์มาร์เก็ต หรือถ้าจะให้ง่ายและประหยัดกว่านั้นไปนั่งเฟียตเมืองนนท์อาจทดแทนกันได้

ที่มา : PG SLOT , PG SLOT , PG SLOT

Suzuki Jimny 2018 / Jimny Sierra 2018 รถเล็กในป่าใหญ่

Suzuki Jimny 2018 และ Suzuki Jimny Sierra 2018 เจเนอเรชั่นท 4 รถ SUV จิ๋วแต่เจ๋ง เปิดตัวในญี่ปุ่น โดย Suzuki Jimny 2018 โฉมใหม่ พิกัดเคคาร์ มี 3 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้น 1,458,000 เยน และ Suzuki Jimny Sierra 2018 ขยับไปอยู่กลุ่มรถเล็ก มี 2 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้น 1,760,400 เยน

Suzuki Jimny 2018 ใหม่ ประกาศราคาจำหน่ายที่ญี่ปุ่นแล้ว เริ่ม 4.38 แสนบาท

Suzuki Jimny Sierra2018 Suzuki เปิดตัว Suzuki Jimny 2018 และ Suzuki Jimny Sierra2018 โฉมใหม่ในญี่ปุ่น 2 รถ SUV รุ่นจิ๋วที่ทั่วโลกจับตา โดย Suzuki Jimny2018 จัดอยู่ในประเภทเคคาร์ ส่วน Suzuki Jimny Sierra2018 ใช้เครื่องใหญ่กว่าเข้ากลุ่มรถขนาดเล็ก

โดย Suzuki Jimny2018 มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ดังนี้

          – XG เกียร์ธรรมดา          ราคา 1,458,000 เยน (4.36 แสนบาท)

          – XG เกียร์อัตโนมัติ         ราคา 1,555,200 เยน (4.66 แสนบาท)

          – XL เกียร์ธรรมดา           ราคา 1,582,200 เยน (4.74 แสนบาท)

          – XL เกียร์อัตโนมัติ          ราคา 1,679,400 เยน (5.03 แสนบาท)

          – XC เกียร์ธรรมดา          ราคา 1,744,200 เยน (5.22 แสนบาท)

          – XC เกียร์อัตโนมัติ         ราคา 1,841,400 เยน (5.51 แสนบาท)

ขณะที่ Suzuki Jimny Sierra2018 มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่

          – JL เกียร์ธรรมดา           ราคา 1,760,400 เยน (5.27 แสนบาท)

          – JL เกียร์อัตโนมัติ          ราคา 1,857,600 เยน (5.56 แสนบาท)

          – JC เกียร์ธรรมดา          ราคา 1,922,400 เยน (5.76 แสนบาท)

          – JC เกียร์อัตโนมัติ         ราคา 2,019,600 เยน (6.05 แสนบาท)

          ทั้งนี้ความแตกต่างระหว่าง Suzuki Jimny2018 และ Suzuki Jimny Sierra2018 ในส่วนของภายนอกนั้นหลัก ๆ ที่เห็นชัดคือการตกแต่งด้วยคิ้วซุ้มล้อกันกระแทกขนาดใหญ่ รวมถึงการใช้เครื่องยนต์ที่ขนาดความจุต่างกัน ทำให้ Suzuki Jimny Sierra2018 เกินพิกัดเคคาร์ไปอยู่ในกลุ่มรถขนาดเล็ก บาคาร่า สูตรบาคาร่า

206

          ซึ่ง Suzuki Jimny Sierra2018 จะมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน รหัส K15B แบบ 4 สูบ ขนาด 1,500 ซี.ซี. ให้กำลังสูงสุด 102 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 130 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที

          แต่ถ้าหากเป็น Suzuki Jimny2018 จะใช้เครื่องยนต์เบนซิน รหัส R06A แบบ 3 สูบ ขนาด 660 ซี.ซี. ให้กำลังสูงสุด 64 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 96 นิวตันเมตร ที่ 3,500 รอบ/นาที

นอกจากนี้ฐานล้อของสองรุ่นยังต่างกันดังนี้

รายละเอียดSuzuki Jimny2018Suzuki Jimny Sierra2018
ความกว้างช่วงล้อหน้า (มม.)1,2651,395
ความกว้างช่วงล้อหลัง (มม.)1,2751,405
ความยาวระยะฐานล้อ (มม.)2,2502,250
ความสูงใต้ท้องรถจากพื้น (มม.)205210
มุมไต่ (องศา)2136
มุมจาก (องศา)5150
มุมคร่อม (องศา)2828

          ส่วนระบบกันสะเทือนของ Suzuki Jimny2018 และ Suzuki Jimny Sierra2018 เลือกใช้แบบคานแข็ง 3 Link Rigid Axle พร้อมคอลย์สปริง ซึ่งสำหรับการใช้งานเชิงออฟ-โรดแล้ว ระบบกันสะเทือนรูปแบบนี้เหนือกว่าและเอื้อต่อการนำไปปรับแต่งต่อ เพราะให้ระยะ Travel ของล้อได้มาก รวมไปถึงระบบขับเคลื่อนจะเป็น 4 ล้อ Part-time ตามสไตล์รถลุยตัวจริงแค่ถูกแพ็กเกจขนาดตัวให้เล็กลงเท่านั้น

211

Ladder Frame

          สำหรับทางด้านความปลอดภัย ทั้ง Suzuki Jimny2018 และ Suzuki Jimny Sierra2018 จะได้ถุงลมนิรภัย 6 จุด เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทุกรุ่นย่อย ขณะที่ระบบช่วยขับขี่เพื่อความปลอดภัย เป็นต้นว่า ระบบเตือนการชนด้านหน้า ระบบแจ้งเตือนออกนอกช่องทางจราจร เป็นอุปกรณ์มาตรฐานใน Suzuki Jimny Sierra2018 ทุกรุ่นย่อย และ Suzuki Jimny2018 รุ่นย่อย XC

214

          คงต้องลุ้นว่า Suzuki ประเทศไทย จะนำ Suzuki Jimny Sierra2018 มาประกอบจำหน่ายในไทยด้วยหรือไม่ เนื่องจากกระแสตอบรับดีมากเหลือเกิน แต่ทั้งหมดทั้งมวลยังต้องขึ้นอยู่กับอีกหลายปัจจัย เพราะรถหลายรุ่นเคยฮือฮามาก่อน พอจำหน่ายจริงในไทยกลับไม่ปังอย่างที่คิดนั้นมีให้เห็นกันเรื่อย ๆ

ที่มา : PG SLOT , PG SLOT , PG SLOT

SsangYong Musso 2018 รถกระบะเกาหลีสุดแกร่ง

SsangYong Musso 2018 รถกระบะพันธุ์แกร่งราคาคุ้มจากแดนโสมโฉมใหม่ เปิดตัวในอังกฤษ แม้คนไทยอาจไม่คุ้นกับรถกระบะของ SsangYong นัก แต่ SsangYong Musso2018 ก็ไม่ได้แปลกเกินกว่าที่จะบอกว่าในอดีตไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

          SsangYong ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเกาหลีที่ยังคงทำตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน มาอย่างต่อเนื่อง สำหรับในบ้านเราเข้าทำตลาดกลุ่ม SUV เป็นหลัก แม้ประเทศไทยมีกระบะ 1 ตันใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้มีกระบะจากค่ายญี่ปุ่นและค่ายอเมริกันฟาดฟันอย่างดุเดือด วันนี้จึงอยากเปลี่ยนอารมณ์พาชมกระบะเกาหลีบ้าง บาคาร่า สูตรบาคาร่า

          ซึ่งล่าสุด All-new SsangYong Musso 2018 ได้เปิดตัวในอังกฤษ หลังจากเปิดตัวในเกาหลีใต้ไปตั้งแต่ช่วงต้นปีในชื่อ SsangYong Rexton Sports2018 และหากใครพอทัน SsangYong Musso ชื่อนี้เคยทำตลาดในไทยช่วงปี 1993 มาก่อน แต่ก็เป็นแค่เฉพาะเวอร์ชั่น SUV แถมหน้าตายุคนั้นก็ยังไม่ละมุนเท่าปัจจุบันด้วย SsangYong Musso2018 ใช้พื้นฐานและดีไซน์ร่วมกับรถ SUV อย่าง SsangYong Rexton ซึ่งเป็นแบบ Body on Frame ดังนั้นเกือบทั้งคันแทบไม่ต่าง มีเพียงด้านท้ายเป็นกระบะสำหรับขนของ          นอกจากความแข็งแกร่งแบบรถกระบะแล้ว SsangYong Musso2018 ดีไซน์และการตกแต่งภายในพิเศษกว่าที่มช้วัสดุคุณภาพสูงให้ผิวสัมผัสดี เช่นเบาะหุ้มด้วยหนัง Nappa พร้อมระบบอุ่นเบาะ และระบบระบายอากาศ

          พื้นที่วางขาของผู้โดยสารเบาะหลังของ SsangYong Musso2018 เคลมว่ากว้างสุดในบรรดาคู่แข่งระดับเดียวกัน ซึ่งในอังกฤษมี Ford Ranger, Nissan Navara เป็นเจ้าตลาด รองลงมาเป็น Mitsubishi L200 (Triton), Toyota Hilux (Revo) และ Isuzu D-Max ตามลำดับ          ทางด้านขุมพลัง SsangYong Musso2018 มีเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ของ Aisin เหมือนรถกระบะทั่วไป 

           แต่การขับขี่ของ SsangYong Musso 2018 จะให้บุคลิกแบบรถ SUV จากการใช้ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระปีกนกสองชั้น ด้านหลังเป็นคานแข็งและคอยล์สปริง รวมถึงได้มีการนำเทคโนโลยี NVH (Noise, Vibration and Harshness) มาใช้เพื่อความสบายในการเดินทาง ปรับแต่งโดยสำนักออกแบบเก่าแก่ Pininfarina ของอิตาลี (ปัจจุบันอยู่ในเครือ Mahindra อินเดีย)

          ในอังกฤษ SsangYong Musso2018 มีให้เลือก 4 รุ่นย่อย คือ EX, Rebel, Saracen และ Rhino ราคาเริ่มต้นที่ 19,995 ปอนด์ หรือราว 8.82 แสนบาท พอ ๆ กับคู่แข่งในระดับเดียวกัน ว่าแต่กระบะเกาหลีถูกจริตพี่น้องชาวไทยกันบ้างไหม ?

ซันยอง (SsangYong) เปิดตัว มัสโซ่ รถปิกอัพที่มาพร้อมความหรูหรา ครั้งแรกของโลก ในงาน เจนีวา มอเตอร์โชว์ 2018

ฮอตฮิตติดลมบนกันจริงๆ สำหรับเทรนการทำตลาดรถปิกอัพ ไม่เว้นแต่ค่ายรถยนต์หรูต่างพากันหันมาพัฒนารถยนต์สายนี้ นำทีมการเปิดตัวอย่างอลังการณ์ไปในปีที่แล้วอย่างแบรนด์ Mercedes-Benz ที่ชิงเปิดตัว X-Class ไปแล้ว รวมไปถึงค่าย BMW ที่มีข่าวภายในมาว่าผู้บริหารหลายคนก็อยากให้ทำตลาดรถปิกอัพเช่นเดียวกัน

แต่วันนี้ค่ายรถยนต์จากแดนโสมอย่าง SsangYong ชิงเปิดตัวรถปิกอัพพรีเมี่ยมในนาม Musso (มัสโซ) มัสโซ่ ในภาษาเกาหลีแปลว่า แรด ซึ่งนั่นก็หมายถึงความแข็งแรง บึกบึน ทนทาน ของรถยนต์รุ่นนี้ ตามชื่อ แต่รูปลักษณ์ตัวถังโดยรวมสังเกตุเห็นจะพบว่ารุ่นนี้จะมาพร้อมตัวถังแบบ 4 ประตู และเน้นการโดยสารในห้องโดยสารมากกว่า บรรทุกสัมภาระตามแบบฉบับของปิกอัพทั่วไป

แม้จะไม่เน้นบรรทุกสัมภาระมากมายนักแต่โครงสร้างตัวถังก็มาพร้อมเหล็กกล้าเกรดพิเศษ 1.5Gpa ที่มีความแข็งแกร่งสูงมาก โดยคอนเซปต์การออกแบบผู้พัฒนาเผยว่าแม้ค่ายอื่นจะเน้นวัสดุที่มีน้ำหนักเบา แต่เรายังคงเลือกใช้เหล็กกล้าที่มีความแข็งแรงสูงแม้จะมีน้ำหนักมากกว่าแบรนด์อื่นก็ตาม

ในส่วนภายในเน้นการออกแบบตามสไตล์รถนั่งแบบซีดานระดับพรีเมี่ยม ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งหนังแท้ทูโทนแบบพรีเมี่ยม พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น หน้าจอทัชสกรีนกลางขนาดใหญ่ ที่รวบรวมระบบต่างๆ ไว้ภายในมากมาย และจุดเด่นอีกประการคือเบาะนั่งหลังที่สามารถปรับองศาการเอนได้

ด้านขุมพลัง Musso มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 178 แรงม้า พร้อมแรงบิด 400 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ซึ่งมองในเรื่องสมรรถนะน่าจะไม่โดนเด่นแถมไม่ค่อยทันสมัยเหมือนใครเค้าจริงๆ

ที่มา : PG SLOT , PG SLOT , PG SLOT

All-new Ford Fiesta ST 2018 เครื่องยนต์ 200 แรงม้า ราคาเบา

All-new Ford Fiesta ST 2018 แฮตช์แบ็ครุ่นเล็ก รหัสร้อน ฉุนเฉียวง่ายและร้ายกาจเป็นพิเศษ ด้วยขุมพลังดาวน์ไซส์ แบบ 3 สูบ 1.5 ลิตรเทอร์โบ ซึ่งช่วยให้ All-new Ford Fiesta ST 2018 พุ่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 6.5 วินาที ด้วยราคาในอังกฤษที่คอมแพกท์มากสำหรับคนไทย

          คงเป็นไปได้ยากที่ All-new Ford Fiesta ST2018 จะนำเข้ามาจำหน่ายในไทย แต่บอกเลยว่ารถเล็กเวอร์ชั่นไม่ธรรมดารุ่นนี้น่าตื่นเต้นไม่แพ้ Ford Ranger Raptor 2018 ด้วยแรงม้าที่น้อยกว่าแค่ 13 ตัว ซึ่งทำให้รถไซส์ซูเปอร์มินิของยุโรปอย่าง All-new Ford Fiesta ST2018 เป็นรถที่ขับสนุกและเร็วมากทั้งบนถนนและในสนามแข่ง แค่มันคงจะไม่เกิดขึ้นในไทยเท่านั้น บาคาร่า สูตรบาคาร่า

2018-ford-fiesta-st-uk-pricing-25

          โดย All-new Ford Fiesta ST2018 จัดว่าเป็นฮอตแฮตช์หรือรถเล็กพริกขี้หนูของแท้ เพราะใต้ฝากระโปรงอันจำกัดเป็นที่อยู่ของเครื่องยนต์ EcoBoost บล็อกใหม่ แบบ 3 สูบ ดาวน์ไซส์ ขนาดความจุเพียง 1,500 ซี.ซี. และใช้เทอร์โบช่วยอัดอากาศ แต่รีดกำลังได้สูงสุดถึง 200 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิด 290 นิวตันเมตร ที่ 1,600-4,000 รอบ/นาที

2018-ford-fiesta-st-uk-pricing-26

          ทำให้ All-new Ford Fiesta ST2018 สามารถเร่งความเร็ว จาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 6.5 วินาที ขณะที่ความเร็วตีนปลาย จะไปหยุด อยู่ที่ประมาณ 231 กม./ชม. แรง เร็วสะใจไม่แพ้ Ford Ranger Raptor2018 เมื่ออยู่บนทางเรียบ และคงจะเหนือกว่า ถ้าเป็น Track Day ทั้งนี้ All-new Ford Fiesta ST2018 ที่ยังนิยม ในยุโรป เช่น อังกฤษ จะมีแบบตัวถัง ให้เลือกทั้งแบบ 3 และ 5 ประตู แบ่งระดับการตกแต่ง ออกเป็น 3 แบบ คือ ST-1, ST-2 และ ST-3 โดยราคาเริ่มต้น ST-1 อยู่ที่ 18,995 ปอนด์ หรือราว 8.35 แสนบาท เมื่อเทียบเป็นเงินไทย ซึ่งแพงกว่า Ford Focus Style (รุ่นพื้นฐาน) และถูกกว่า Ford Mondeo (รุ่นพื้นฐาน) ในอังกฤษไม่ถึง 1,000 ปอนด์ คือไม่ถึงขนาดเกินเอื้อมนัก สำหรับคนชอบรถเล็กแต่ขับได้เร้าใจ เกินตัว

Ford Fiesta ST

          แต่ด้วยจำนวนเงิน ใกล้เคียงกันนี้ สิ่งที่ทั้ง Ford Focus และ Ford Mondeo ให้ไม่ได้เหมือนกับ All-new Ford Fiesta ST2018 คือความบันเทิงในการขับขี่ เบาะแบบสปอร์ต Recaro หรือแม่แต่ระบบกันสะเทือนสปอร์ต ST Suspension แต่ถ้าเป็น ST-2 และ ST-3 จะได้เพิ่มคือ เบาะ Recaro อุ่นได้, ระบบปรับอากาศแบบ climate control, เข็มขัดนิรภัยสีฟ้า, ชุดเครื่องเสียงพรีเมียมจาก B&O และจออินโฟเทนเมนต์ขนาดใหญ่ขึ้น เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ชั่วโมงนี้สำหรับรถ Ford สมรรถนะสูงเวอร์ชั่นไม่ปกติในเมืองไทย คงต้องหลบทางให้ Ford Ranger Raptor2018 เพราะโอกาสที่รถเล็กแต่แรงมากอย่าง Ford Fiesta ST 018 จะมีจำหน่ายในไทยด้วยนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

ที่มา : PG SLOT , PG SLOT , PG SLOT

Nissan Leaf NISMO 2018 รถยนต์ไฟฟ้า สายพันธ์ุสปอร์ต

Nissan Leaf NISMO 2018  (นิสสัน ลีฟ นิสโม่ 2018) รถยนต์ไฟฟ้าสายสปอร์ต เปิดตัวในญี่ปุ่น ดีต่อโลกแถมยังดีต่อใจด้วยการขับขี่และภาพลักษณ์ที่เป็นสปอร์ต โดย Nissan Leaf NISMO 2018 ใหม่ จะเริ่มวางจำหน่ายในญี่ปุ่น ปลายเดือนกรกฎาคม 2561 เหลือแค่ราคาเท่านั้นที่ยังไม่เปิดเผยแต่ไม่จะน่าโหดไปกว่า Nissan Leaf 2018 นัก

 Nissan Leaf NISMO2018 ใหม่ (นิสสัน ลีฟ นิสโม่ 2018) รถยนต์ไฟฟ้าสายสปอร์ตที่พัฒนาบนพื้นของ Nissan Leaf 2018 รถยนต์ไฟฟ้าขายดีที่สุดในโลกซึ่งเคยคอนเฟิร์มว่าจะจำหน่ายในไทยด้วย เปิดตัวเวอร์ชั่นจำหน่ายจริงเป็นครั้งแรกเรียบร้อยด้วยภาพลักษณ์ที่สปอร์ตี้ มีความแซ่บขึ้น โดย Nissan Leaf NISMO2018 พร้อมจำหน่ายในญี่ปุ่น 31 กรกฎาคม 2561 เป็นต้นไป

          สำหรับดีไซน์ภายนอกแน่นอนว่ายังคงเป็น Nissan Leaf2018 แต่ได้รับการตกแต่งเกือบสำเนาถูกต้องกับ Nissan Leaf NISMO Concept อย่างชุดแอร์โร่พาร์ทรอบคันที่ช่วยเพิ่มภาพลักษณ์ความเป็นสปอร์ตและเพิ่มแรงกดตัวถังแต่ไม่ทำให้รถต้านลมมากขึ้น พร้อมล้ออะลูมิเนียมขนาด 18 นิ้ว โดยมีสีตัวถังให้เลือกมากถึง 9 สี

          ส่วนการตกแต่งภายใน Nissan Leaf NISMO2018 คงเอกลักษณ์ NISMO ด้วยการใช้สีแดงตกแต่งในหลาย ๆ จุดตัดกับโทนสีดำของห้องโดยสาร มีพวงมาลัยแบบ 3 ก้าน หุ้มอัลคันทารา มาร์กแถบสีแดงตรงกลางก้านพวงมาลัย แผงอุปกรณ์ตกแต่งด้วยคาร์บอน ทั้งหมดเพื่อสร้างบรรยากาศสปอร์ตตามคอนเซ็ปต์

และยังมีส่วนสำคัญอื่น ๆ ที่ทำให้ Nissan Leaf NISMO2018 มีความ Sporty มากกว่า Nissan Leaf 2018 ได้แก่

          – การจูนกล่องคอมพิวเตอร์ (VCM หรือ Vehicle Control Module)
          – ปรับระบบกันสะเทือน (ใช้โช้คอัพแบบสปอร์ต) ให้มีความมั่นคงและยังหลงเหลือความสบายในการขับขี่ไว้ บาคาร่า สูตรบาคาร่า
          – พวงมาลัยไฟฟ้าปรับแต่งใหม่
          – เพิ่มระบบ Intelligent Trace Control (ระบบควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง)
          – ระบบ VDC (Vehicle Dynamic Control หรือระบบความคุมการทรงตัว) ปรับแต่งพิเศษ
          – ระบบ ABS ปรับแต่งพิเศษ

          อย่างไรก็ตามในส่วนขุมพลังไฟฟ้าของ Nissan Leaf NISMO2018 ทาง Nissan ไม่ได้ระบุไว้ นั่นอาจเป็นไปได้มากว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจาก Nissan Leaf 2018 ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า EM57 กับแบตเตอรี่ Li-ion ขนาด 40 kWh ให้กำลังสูงสุด 147 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร และถ้าระยะทางวิ่งไม่เปลี่ยนแปลง  Nissan Leaf NISMO2018 ก็น่าจะวิ่งได้ไกล 240 กม. (อ้างอิงตามมาตรฐาน US)

​          ในอนาคต Nissan Leaf NISMO2018 จะมีจำหน่ายในไทยหรือเปล่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ตราบเท่าที่ Nissan Leaf 2018 จะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ซึ่งนั่นเป็นเรื่องยากและถ้าจะมีอะไรยากกว่าการเป็นรถไฟฟ้าขายดีที่สุดในโลกก็คงการเป็นรถไฟฟ้าที่ขายดีมาก ๆ ในไทย เพราะปัจจัยหลายอย่างไม่อำนวยนอกจากรอให้ถึงเวลาที่เหมาะสม

Nissan เตรียมเปิดตัว รถยนต์ไฟฟ้า สายสปอร์ตครั้งแรกอย่าง Nissan Leaf Nismo2018 พร้อมทั้งเตรียมวางจำหน่ายที่ประเทศญี่ปุ่น ปลายเดือนกรกฎาคมนี้

Nissan Leaf Nismo 2018

การออกแบบของ Nissan Leaf Nismo2018 เน้นความสปอร์ตมากขึ้น ด้วยกระจังหน้าใหม่ กันชนหน้า-หลังใหม่ มี Daylight LED พร้อมประทับตราโลโก้ Nismo ล้ออลูมิเนียมขนาด 18 นิ้ว พร้อมทั้งยังมีสีตัวถังให้เลือกถึง 9 สี โดยสามารถเลือกหลัคาสีดำได้อีกด้วย

Nissan Leaf Nismo 2018
Nissan Leaf Nismo 2018

ภายในห้องโดยสารของ Nissan Leaf Nismo2018 ตกแต่งด้วยโทนสีดำ ตัดกับเส้นสายสีแดง พวงมาลัย 3 ก้าน หุ้มด้วยวัสดุอัลคันทาร่าสลับหนัง แผงคอนโซลตกแต่งด้วยคาร์บอน และคันเกียร์สีดาร์ดโครม ที่ให้ความสปอร์ตมากขึ้น

ภายใน Nissan Leaf Nismo 2018
ภายใน Nissan Leaf Nismo 2018
พวงมาลัย Nissan Leaf Nismo 2018
Nissan Leaf Nismo 2018

สมรรถนะในการขับขี่ ทาง Nissan ได้มีการปรับปรุงช่วงล่างใหม่ให้ดูมีความสปอร์ต และตอบสนองในด้านการขับขี่มากขึ้น, ปรับระบบกันสะเทือนให้มีความมั่นคงและให้ความสบายในการขับขี่, มีระบบ ABS ที่ปรับแต่งพิเศษ อีกทั้งยังเพิ่มระบบ Intelligent Trace Control เพื่อตอบสนองการขับขี่ที่รุนแรงมากขึ้น เมื่อขณะที่เข้าโค้งหรือเปลี่ยนเลน

Nissan Leaf Nismo 2018

ด้านขุมพลังของ Nissan Leaf Nismo2018 คาดว่าไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจาก Nissan Leaf 2018 ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า กับแบตเตอรี่ Li-ion ขนาด 40 กิโลวัตต์ ให้กำลังสูงสุด 147 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 320 แรงม้า

ราคาจำหน่าย Nissan Leaf Nismo 2018 อยู่ที่ 4,032,720 เยน หรือประมาณ 1,200,000 บาท

ที่มา : PG SLOT , PG SLOT , PG SLOT

Mazda CX-3 2018 ปรับภายนอก พร้อมสีใหม่

วันที่ 20 กรกฎาคม 2561 มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ได้แถลงข่าวเปิดตัว Mazda CX-3 ปี 2018 ไมเนอร์เชนจ์แบบเดียวกับในญี่ปุ่น ขาดแต่เพียงยังไม่ปรับเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร เป็น 1.8 ลิตร

สิ่งเปลี่ยนแปลงภายนอก มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ปี 2018 (Mazda CX-3 MY 2018)

Image result for Mazda CX-3 2018

สีขาว เซรามิก เมทัลลิค

          – กระจังหน้าแบบใหม่ เส้นของลายกระจังสองเส้นความหนาที่ต่างกัน
          – กรอบไฟตัดหมอกและวัสดุตกแต่งเสาประตูด้านนอกแบบสีดำเงา
          – ไฟท้าย LED ลักษณะแนวนอนได้เชื่อมต่อไปยังไฟที่เป็นวงแหวน และเชื่อมต่อไปยังเส้นไฟแนวนอนอีกด้านหนึ่งในขณะที่ขอบนอกสุดเป็นสีดำ คล้ายใน CX-5 2018
          – ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว ลายใหม่ ความเงางามของพื้นผิวล้อเข้ากันกับเส้นโครเมียมข้างตัวรถ บาคาร่า สูตรบาคาร่า

สิ่งเปลี่ยนแปลงภายใน มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ปี 2018 (Mazda CX-3 MY 2018)

          ห้องโดยสารให้มีความพรีเมียมมากขึ้น บริเวณพนักวางแขนด้านหน้ามาพร้อมกับกล่องเก็บของในตัว ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลายรูปแบบ รวมไปถึงบริเวณที่นั่งด้านหลังมีพนักวางแขนพร้อมที่วางแก้วในตัว วัสดุสำหรับแผงคอนโซลหน้า ที่นั่งและแผงประตูนั้นได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด

          ดีไซน์ภายในมีให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ 

          1. ภายในสีเทาพร้อมกับเบาะหนังสีดำ
          2. ภายในสีเทาพร้อมเบาะหนังสังเคราะห์สลับผ้าสีดำ
          3. ภายในสีดำพร้อมเบาะผ้าสีดำ           สำหรับรุ่นย่อยที่มาพร้อมกับเบาะหนังสีดำ สีเทาถูกใช้เป็นสีหลัก เลือกใช้วัสดุ Grand Luxe Suede ® ที่มีลักษณะเหมือนหนังกลับ          เบาะหนังที่ทำจากวัสดุคุณภาพสูงให้สัมผัสที่ราบเรียบและนุ่มนวล บริเวณหัวไหล่ของพนักพิงเบาะตกแต่งด้วยแถบสีเทา           วงแหวนที่ล้อมรอบช่องแอร์เป็นสีแดงเข้ม ซึ่งเป็นสีแดงใหม่ที่มีความลึกและเข้ากันกับสีแดงโซลเรด คริสตัล

ออปชั่นใหม่ ๆ ใน มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ปี 2018 (Mazda CX-3 MY 2018)

          – ระบบเบรกมือไฟฟ้า (EPB)  
          – ระบบ Auto Hold สามารถเปิด-ปิดด้วยสวิตช์บนคอนโซลกลาง
          – หลังคา Sunroof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า

Image result for Mazda CX-3 2018

เทคโนโลยีความปลอดภัย i-ACTIVSENSE ที่ประกอบไปด้วย

          1. ระบบ Advanced Blind Spot Monitoring (ABSM) & Rear Cross Traffic Alert (RCTA) ระบบตรวจจับยานพาหนะจากด้านข้างและด้านหลังที่กำลังใกล้เข้ามาบริเวณจุดบอด พร้อมทั้งเตือนเมื่อผู้ขับขี่จะทำการเปลี่ยนเลน RCTA จะช่วยเตือนผู้ขับขี่เมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง

          2. ระบบ Lane Departure Warning System (LDWS) ระบบคาดการณ์การเบี่ยงออกนอกเลน และเตือนผู้ขับขี่ถึงอันตรายผ่านทางเสียง

          3. ระบบ Adaptive LED Headlamps (ALH) ระบบปรับการทำงานของไฟหน้าสูง-ต่ำ แยกอิสระซ้ายขวาอัตโนมัติ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพถนน ตำแหน่งรถคันหน้า รวมถึงรถที่วิ่งสวนมา เพิ่มความปลอดภัยขณะขับขี่

          4. ระบบ Driver Attention Alert (DAA) ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุจากความเมื่อยล้า โดยส่งเสียงและสัญญาณไฟเตือนให้หยุดพัก เมื่อตรวจพบพฤติกรรมเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ 

          5. ระบบ Mazda Radar Cruise Control (MRCC) ช่วยควบคุมความเร็วและรักษาระยะห่างจากรถคันข้างหน้าอัตโนมัติ           

          6. ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง หรือ 360o View Monitor พร้อมมุมกล้องในแบบ Top View ช่วยให้การขับขี่ทำได้อย่างมั่นใจ และปลอดภัยยิ่งขึ้น 

          7. ระบบ Smart City Brake Support (SCBS) และระบบ Smart City Brake Support-Reverse (SCBS-R) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะเดินหน้าและถอยหลัง ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุจากการชน

          8. ระบบ Smart Brake Support (SBS) ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ เมื่อพบความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อลดโอกาสในการชนรถคันหน้า

มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ปี 2018 (Mazda CX-3 MY 2018) เครื่องยนต์มีให้เลือก 2 รุ่นเช่นเดิม

          – เครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G ขนาดความจุ 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิด 204 นิวตันเมตร ที่ 2,800 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Manual Mode รองรับเชื้อเพลิง E85

          – เครื่องยนต์ดีเซล SKYACTIV-D ขนาดความจุ 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 106 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที และแรงบิด 270 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,500 รอบ/นาที  จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Manual Mode

Image result for Mazda CX-3 2018

สีตัวถังภายนอก มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ปี 2018 (Mazda CX-3 MY 2018)

          ประกอบด้วย 2 สีใหม่ที่เพิ่มเติมเข้ามา ได้แก่  สีเทา แมชชีน เกรย์ สีแดงโซลเรด คริสตัล 

          โดยสีใหม่นี้ทำให้เกิดความเจิดจรัส มีพลังและมิติความลึก แวววาว อันเนื่องมาจากเทคโนโลยีการพ่นสีแบบ TAKUMINURI สีนั้นจะมีความอิ่มตัวขึ้น 20% และดูมีความลึก 50% มากกว่าสีแดงเดิม มีความแวววาว สะท้อนแสงมากยิ่งขึ้น และอีก 5 สี ได้แก่

          – สีน้ำตาล ไททาเนียม แฟลช 
          – สีดำ เจ็ต แบล็ก
          – สีขาว เซรามิก เมทัลลิก
          – สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล
          – สีน้ำเงิน อีเทอนอล บลูราคาจำหน่าย มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ปี 2018 (Mazda CX-3 MY 2018) 

          รุ่น 2.0 E เครื่องยนต์สกายแอคทีฟ-จี เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร ราคา 879,000 บาท (เดิม 835,000 บาท + 44,000 บาท)
          รุ่น 2.0 C เครื่องยนต์สกายแอคทีฟ-จี เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร ราคา 955,000 บาท (เดิม 910,000 บาท +45,000 บาท)
          รุ่น 2.0 S เครื่องยนต์สกายแอคทีฟ-จี เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร ราคา 1,029,000 บาท (เดิม 975,000 บาท +54,000 บาท)
          รุ่น 2.0 SP เครื่องยนต์สกายแอคทีฟ-จี เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร ราคา 1,083,000 บาท (เดิม 1,083,000 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง)
          รุ่น 1.5 XDL เครื่องยนต์คลีนดีเซลสกายแอคทีฟ-ดี ดีเซล ขนาด 1.5 ลิตร ราคา 1,189,000 บาท (เดิม 1,193,000 บาท -4,000 บาท)

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME

Ford Ranger 2018 เปิดตัว 20 รุ่นย่อย พร้อมราคา

เปิดตัว Ford Ranger 2018 โละเครื่องดีเซล 3.2 ลิตร มีให้เลือกตอนนี้ 3 เครื่องยนต์ พร้อมเกียร์ 3 แบบ แบ่งเซกเมน​ต์ ฟอร์ด เรนเจอร์ 2018 ให้ชัด ๆ ราคาเริ่ม 559,000 บาท

          ฟอร์ด ประเทศไทย ได้ทำการเปิดตัว ฟอร์ด เรนเจอร์ 2018 (Ford Ranger 2018) ไมเนอร์เชนจ์ โละเครื่องยนต์ 3.2 ลิตร ใช้เครื่อง 2.0 ลิตร เทอร์โบ รุ่นใหม่ และเครื่อง 2.0 ไบ-เทอร์โบ เข้าประจำการ มีรุ่นย่อยให้เลือก 20 รุ่น เรียงและแบ่งระดับเป็น กระบะฐานล้อสั้น (Short Wheel Base), XL, XL+, XLS, XLT, ใหม่ ลิมิเต็ด (Limited), Wildtrak​ และ Ford Ranger Raptor          Ford Ranger 2018 รุ่น XL, XL+, XLS กระบะเพื่อการใช้งาน

Image result for Ford Ranger 2018

          รุ่น XL มีให้เลือกทั้งแบบกระบะตอนเดียว และกระบะแบบมีแค็บ สามารถรองรับทุกการใช้งานหนัก ด้วยโครงแชสซีส์แบบขั้นบันได รวมทั้งโครงสร้าง และการออกแบบ วางระบบขับเคลื่อนให้ทั้ง 4×2 และ 4×4 บาคาร่า สูตรบาคาร่า

          เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร พร้อม VG Turbo Intercooler กำลังสูงสุด 160 แรงม้า, แรงบิดสูงสุด 385 นิวตันเมตร มีระบบส่งกำลังให้เลือกทั้ง เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และ เกียร์ธรรมดา 6 สปีด

Image result for Ford Ranger 2018

อุปกรณ์ภายนอก

          – กระจังหน้า มือจับประตู และกระจกมองข้าง สีดำ
          – กันชนหน้าโฉมใหม่และสีเดียวกับตัวรถ (เฉพาะรุ่นโอเพ่นแค็บ)
          – บันไดข้าง (เฉพาะรุ่น XL+)
          – กระจกมองข้างแบบปรับไฟฟ้า (เฉพาะรุ่นโอเพ่นแค็บ)
          – ล้อกะทะเหล็ก 16” พร้อมยางขนาด 215/70 R16
          – ล้ออัลลอย 16” พร้อมยางขนาด 255/70 R16 (เฉพาะรุ่น XL+)

อุปกรณ์ภายใน

          – พวงมาลัยพาวเวอร์ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า
          – หน้าต่างปรับไฟฟ้าพร้อมระบบเปิด-ปิดแบบสัมผัสเดียวด้านคนขับ (เฉพาะรุ่นโอเพ่นแค็บ)
          – ระบบปรับอากาศ
          – ระบบเซ็นทรัลล็อก
          – ช่องต่อไฟ 12V
          – วิทยุพร้อมช่องต่อ AUX และ USB, ระบบเชื่อมต่อ Bluetooth

ความปลอดภัย

          – ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
          – ระบบป้องกันลล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD
          – ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer          อุปกรณ์มาตรฐาน Ford Ranger 2018 รุ่น XLS (เพิ่มเติมจากรุ่น XL และ XL+)

อุปกรณ์ภายนอก

          – กระจังหน้า และกระจกมองข้าง สีเทา    
          – บันไดข้าง (เฉพาะรุ่น Hi-Rider)    
          – ไฟตัดหมอกหน้า     
          – ไฟส่องสว่างกระบะท้าย    
          – กันชนหลังสีเดียวกับตัวรถ    
          – ล้ออัลลอย 16” พร้อมยางขนาด 215/70 R16    
          – ล้ออัลลอย 16” พร้อมยางขนาด 255/70 R16 (สำหรับรุ่น Hi-Rider)

อุปกรณ์ภายใน

          – ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control     
          – กุญแจรีโมทแบบพับเก็บได้
          – หน้าจอข้อมูลบนหน้าปัดแบบสี ขนาด 4.2 นิ้ว
          – วิทยุพร้อมเครื่องเล่น CD/MP3 แบบแผ่นเดียว, ลำโพง 6 ตำแหน่ง     
          – ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ และ ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC     
          – ความปลอดภัย        
          – จุดยึดสำหรับเบาะนั่งเด็ก ISOFIX (เฉพาะดับเบิ้ลแค็บ)             Ford Ranger 2018 รุ่น XLT ได้รับความนิยมมากที่สุดจากกตระกูลเรนเจอร์ รูปลักษณ์ใหม่ด้วยกระจังหน้าโครเมียมอันเป็นเอกลักษณ์ มาพร้อมฟีเจอร์ ที่มากกว่าในรุ่น XLS เช่น ล้ออัลลอยดีไซน์ภายนอกใหม่ ไฟตัดหมอกด้านหน้า โคมไฟหน้า

อุปกรณ์ภายนอก (เพิ่มเติมจาก XLS)

          – ไฟหน้าโปรเจกเตอร์
          – ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
          – ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
          – กระจังหน้าโครเมียม
          – กระจกมองข้างพับด้วยไฟฟ้า
          – ล้ออัลลอย 17” พร้อมยางขนาด 265/65 R17
          – อุปกรณ์ภายใน
          – กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ
          – พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง
          – ความปลอดภัย    
          – สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง          Ford Ranger 2018 รุ่น ลิมิเต็ด (Limited) รุ่นย่อยใหม่ ตอบสนองความต้องการให้ได้ดีขึ้น ตกแต่งภายนอกแบบโครเมียม ให้ขุมกำลังใหม่ รูปลักษณ์โฉมใหม่ด้วยกระจังหน้าโครเมียมพร้อมไฟเดย์ไลท์ LED และไฟหน้า HID กระบะท้ายติดตั้งฝาท้ายแบบผ่อนแรง Easy Lift

           ขุมกำลังเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ ขนาด 2.0 ลิตร VG Turbo Intercooler กำลังสูงสุด 180 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร ผสานกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด

          ได้ฟีเจอร์ กุญแจรีโมทอัจฉริยะ พร้อมปุ่มสตาร์ตรถอัตโนมัติ ระบบซิงค์ 3 ที่รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมระบบจดจำเสียง และระบบสั่งงานเสียงด้วยภาษาไทย

อุปกรณ์ภายนอก (เพิ่มเติมจาก XLT)

          – ล้ออัลลอย 18” ยางขนาด 265/60 R18
          – ไฟหน้า HID โปรเจกเตอร์ พร้อมไฟวิ่งกลางวัน LED
          – ฝาท้ายแบบผ่อนแรง Easy Lift
          – อุปกรณ์ภายใน
          – กุญแจรีโมทอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ตรถอัตโนมัติ
          – ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา
          – เบาะหนัง
          – คอนโซลทำความเย็น Cool Box
          – ระบบกุญแจ My Key
          – หน้าจอข้อมูลบนหน้าปัดแบบสี ขนาด 4.2 นิ้ว 2 จอ
          – เครื่องเสียง ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC™3 ภาษาไทย จอสีแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto

ความปลอดภัย

          – ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน Emergency Assistance
          – กล้องมองหลังขณะถอยจอด
          – ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control
          – ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (HLA) ระบบช่วยการทรงตัวขณะลากจูง (TSC) และระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ (ROM)
          – สัญญาณกันขโมย
          – ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา HDC (เฉพาะ 4×4)
          – เฟืองท้ายแบบลิมิเต็ดสลิป (เฉพาะ 4×4)          Ford Ranger 2018 รุ่น ไวล์ดแทรค (Wildtrak​) ให้ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ไบ-เทอร์โบ เทคโนโลยีและฟีเจอร์ที่อัดแน่นด้วยอุปกรณ์ที่ดีที่สุด เป็นรองเพียง เรนเจอร์ แร็พเตอร์

Image result for Ford Ranger 2018

          เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอันล้ำสมัยที่มีเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB) ซึ่งผสานระบบเบรกแบบ Inter-Urban Autonomous Emergency Braking (AEB) เข้ากับระบบตรวจจับคนเดินถนน (Pedestrian Detection) และระบบตรวจจับยานพาหนะ (Vehicle Detection) บริเวณรอบตัวรถ เพื่อหยุดรถ และช่วยลดอัตราการชนท้ายและการชนคนเดินถนนลง โดยระบบนี้จะทำงานเมื่อใช้ความเร็วสูงกว่า 3.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป

          ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Active Park Assist) ช่วยให้การจอดรถง่ายขึ้น เพียงผู้ขับขี่เปิดใช้งานและคอยควบคุมเบรก เกียร์ ระบบจะควบคุมพวงมาลัยรถให้เข้าจอดในพื้นที่จอดโดยอัตโนมัติ ระบบตัดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร (Active Noise Cancellation) เพื่อความรู้สึกที่เป็นส่วนตัวและได้รับความบันเทิงสูงสุด

          ให้เลือก 2 เครื่องยนต์

          เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.0 ลิตร พร้อม VG Turbo Intercooler กำลังสูงสุด 180 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร งานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด

          เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.0 ลิตร ไบ-เทอร์โบ กำลังสูงสุด 213 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ด้วยการผสานการทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด (เฉพาะรุ่น 4×4)

อุปกรณ์ภายนอก

          – ไฟตัดหมอกหน้า LED
          – ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ
          – สปอร์ตบาร์และราวหลังคา
          – พื้นปูกระบะท้าย พร้อมช่องต่อไฟ 12 โวลต์

อุปกรณ์ภายใน

          – ไฟตกแต่งห้องโดยสาร Ambient light
          – ช่องต่อไฟ 230V
          – ปรับเบาะที่นั่งคนขับแบบไฟฟ้า 8 ทิศทาง
          – ชุดตกแต่งภายในแบบไวล์ดแทรค
          – ระบบตัดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร (เฉพาะรุ่น 4×4)
          – ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (เฉพาะรุ่น 4×4)
          – ระบบนำทาง Navigation

ความปลอดภัย

          – ถุงลมนิรภัยเพิ่มเป็น 6 จุด: คู่หน้า / ด้านข้าง / และม่านถุงลมนิรภัย
          – สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้า
          – เฟืองท้ายแบบ Locking Rear Differential

เทคโนโลยีช่วยในการขับขี่อัจฉริยะ (Advanced- Driving Assist technology) (เฉพาะ 4×4)

          – ระบบช่วยเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB)
          – ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control)
          – ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning System)
          – ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System)
          – ระบบแจ้งเตือนการขับขี่ (Driver Alert System)
          – ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ (Auto High Beam Control)

Image result for Ford Ranger 2018

​การจับคู่เครื่องยนต์และเกียร์

 เครื่องยนต์ 2.2 ลิตร เทอร์โบ TDCiเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ (ใหม่)เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ไบเทอร์โบ (ใหม่)
ขุมพลัง160 แรงม้า ที่ 3,200 รอบต่อนาที180 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที213 แรงม้า ที่ 3,750 รอบต่อนาที
แรงบิด385 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,600 รอบต่อนาที420 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที500 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,000 รอบต่อนาที
เกียร์เกียร์ธรรมดา 6 สปีด / เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดเกียร์ธรรมดา 6 สปีด / เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด (ใหม่)เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด (ใหม่)

          ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มีสีภายนอกให้เลือก 7 สี และสีใหม่ 2 สี สีส้มเซเบรอ (Saber) และ สีฟ้าไลท์นิ่ง บลู (Lightning Blue)

รุ่นไหน​ ​เลือกสีอะไรได้บ้าง​ ​ดูได้จากตาราง

รุ่นสีส้มเซเบอร์สีฟ้าไลท์นิ่ง บลูสีเงินอะลูมิเนียม เมทัลลิกสีดำแอพโซลูต แบล็กสีเทาเมทีออร์ เกรย์สีขาวโฟรเซ่น ไวท์สีแดงทรู เรด
SWB  x    
XL  xx x 
XLS xxx xx
XLT xxxxxx
LTD xxxxxx
Wildtrakx xxxx 

​สรุปช่วงราคา          กระบะฐานล้อสั้น (Short Wheel Base)  มีให้เลือก 2 รุ่น ราคา 589,000 – 799,000 บาท
          XL – มีให้เลือก 3 รุ่น ราคา 559,000 – 649,000 บาท
          XLS – มีให้เลือก 4 รุ่น ราคา 659,000 – 789,000 บาท
          XLT – มีให้เลือก 4 รุ่น ราคา 749,000 – 869,000 บาท
          ลิมิเต็ด (LTD) – มีให้เลือก 4 รุ่น ราคา​ 889,000 – 1,029,000 บาท
          ไวล์ดแทรค – มีให้เลือก 2 รุ่น ราคา 1,029,000 – 1,265,000 บาท
          แร็พเตอร์ – ราคา 1,699,000 บาท

ราคาจำหน่าย Ford Ranger 2018 ทั้ง 20 รุ่น

รุ่นราคาขายปลีกแนะนำ (บาท)
SWB 2.0L Turbo 4×2 6MT589,000
SWB 2.0L Bi-Turbo 4×4 10AT799,000
Standard Cab 2.2L XL 6MT559,000
Open Cab 2.2L XL 6MT599,000
Open Cab 2.2L XL+ Hi-Rider 6MT649,000
Open Cab 2.2L XLS Hi-Rider 6MT659,000
Open Cab 2.2L XLS Hi-Rider 6MT699,000
Open Cab 2.2L XLS Hi-Rider 6AT739,000
Open Cab 2.2L XLT Hi-Rider 6MT749,000
Open Cab 2.2L XLT Hi-Rider 6AT789,000
Open Cab 2.0L Turbo Limited 4×4 6MT889,000
Double Cab 2.2L XLS Hi-Rider 6MT789,000
Double Cab 2.2L XLT Hi-Rider 6MT829,000
Double Cab 2.2L XLT Hi-Rider 6AT869,000
Double Cab 2.0L Turbo Limited Hi-Rider 6MT899,000
Double Cab 2.0L Turbo Limited Hi-Rider 10AT949,000
Double Cab 2.0L Turbo Limited 4×4 10AT1,029,000
Double Cab 2.0L Turbo Wildtrak Hi-Rider 10AT1,029,000
Double Cab 2.0L Bi-Turbo Wildtrak 4×4 10AT1,265,000
Double Cab 2.0L Bi-Turbo Raptor 4×4 10AT1,699,000

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME