BMW C 400 GT ปี 2019 สกูตเตอร์ตัวใหญ่สูบเดียว

บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เปิดตัวบิ๊กสกูตเตอร์รุ่นใหม่ BMW C 400 GT ปี 2019 ขับขี่แบบทัวริ่งในสไตล์แกรน ทัวริสโม  BMW C 400GT ปี 2019 พร้อมลุยทั้งใกล้และไกล กับราคา 3.99 แสนบาท

BMW C 400GT ปี 2019 กับอุปกรณ์ต่าง ๆ 

สมาชิกรุ่นล่าสุดของสกูตเตอร์ BMW ขนาดกลาง เฟรมรถเป็นเหล็กกล้า ไฟหน้าคู่ LED สร้างเอกลักษณ์โดดเด่นในสไตล์มอเตอร์ไซค์ตระกูล C พร้อมไฟ LED ส่องสว่างตอนกลางวัน daytime running light และไฟ Control Brake Light บาคาร่า สูตรบาคาร่า

มีกระจกบังลมออกแบบมาให้สูงกว่าบีเอ็มดับเบิลยู C 400 X ช่องเก็บของแบ่งพื้นที่ภายในเป็นสองส่วน ช่องเก็บหมวกกันน็อก Flexcase ที่พับเก็บอยู่ใต้เบาะแบบตอนเดียว

มีพนักพิงแยกบนที่นั่งสำหรับผู้ขับขี่ และบอร์ดวางเท้าสำหรับผู้โดยสาร ให้ขับขี่สบายและปลอดภัย หน้าจอสีมัลติฟังก์ชัน TFT Screen ขนาด 6.5 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยีเชื่อมต่อ BMW ConnectedRide และระบบ Keyless RideBMW C 400GT ปี 2019 ขุมกำลังและการขับขี่

ขุมกำลังขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์หนึ่งสูบ ขนาดกระบอกสูบ 350 ซี.ซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ เครื่องยนต์ให้กำลัง 34 แรงม้า ที่ 7,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ CVT เคลมอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 28.4 กม./ลิตร 

โช้คหน้าแบบเทเลสโคปิก โช้คหลังแบบสปริงสตรัทคู่ พร้อมด้วยดิสก์เบรกคู่ที่ล้อหน้า ดิสก์เบรกเดี่ยวที่ล้อหลัง และระบบ ABS  สวิงอาร์มออกแบบมาเพื่อลดแรงสั่นสะเทือนและมอบความนุ่มสบาย มีระบบ Automatic Stability Control (ASC) ช่วยให้ตัวรถมั่นคง ปลอดภัยขณะเร่งความเร็ว แม้บนพื้นถนนที่เปียกและลื่น

สีรถมีให้เลือก 3 แบบ ได้แก่

  • สีขาว Alpine White
  • สีดำ Blackstorm Metallic
  • สีเทา Moonwalk Grey Metallic และ

BMW C 400 GT ปี 2019 เปิดราคาจำหน่ายมาที่ 399,000 บาท แพงกว่าบิ๊กสกูตเตอร์ญี่ปุ่นพอตัว อย่าง Suzuki Burgman 650abs มีราคาจำหน่าย 402,000 บาท หรือ Honda X-ADV อยู่ที่ 415,000 บาท ที่มีราคาใกล้เคียง แต่ได้ซี.ซี. ที่เยอะกว่าประมาณเท่านึง

บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT สมาชิกใหม่ล่าสุดในตระกูลสกู๊ตเตอร์ขนาดกลาง มอบความสะดวกสบายยิ่งขึ้น พร้อมสมรรถนะการขับขี่แบบทัวริ่งในสไตล์แกรน ทัวริสโม ให้เพลิดเพลินทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ระยะใกล้หรือไกล

บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์หนึ่งสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ มอบพละกำลังสูงสุด 25 กิโลวัตต์ (34 แรงม้า) ที่ 7,500 รอบต่อนาที ทำงานเข้าจังหวะกับระบบเกียร์ CVT และสวิงอาร์มที่ออกแบบมาเพื่อลดแรงสั่นสะเทือนและมอบความนุ่มสบายในขณะขับขี่ ส่วนระบบ Automatic Stability Control (ASC) ก็ช่วยให้ตัวรถมั่นคง ปลอดภัยขณะเร่งความเร็ว แม้บนพื้นถนนที่เปียกและลื่น

นอกจากเฟรมเหล็กกล้าที่มอบความแข็งแกร่งให้กับระบบช่วงล่างเช่นเดียวกับในรุ่นบีเอ็มดับเบิลยู C 400 X แล้ว บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ยังมาพร้อมโช้คหน้าแบบเทเลสโคปิก โช้คหลังแบบสปริงสตรัทคู่ พร้อมด้วยดิสก์เบรกคู่ที่ล้อหน้า ดิสก์เบรกเดี่ยวที่ล้อหลัง และระบบ ABS เพื่อมอบความปลอดภัยด้วยแรงเบรกแบบเต็มประสิทธิภาพ

บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT โฉบเฉี่ยวด้วยดีไซน์ที่ผสานทั้งความสวยงามและประโยชน์ใช้สอยเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ไฟหน้าคู่ LED สร้างเอกลักษณ์โดดเด่นในสไตล์มอเตอร์ไซค์ตระกูล C พร้อมไฟ LED
ส่องสว่างตอนกลางวัน daytime running light และไฟ Control Brake Light ตอกย้ำความเป็นแกรน
ทัวริสโมด้วยกระจกบังลมที่ได้รับการออกแบบมาให้สูงกว่าบีเอ็มดับเบิลยู C 400 X และช่องเก็บของแบ่งพื้นที่ภายในเป็นสองส่วนเพื่อความสะดวกสบายและเป็นระเบียบ พร้อมด้วยช่องเก็บหมวกกันน็อก Flexcase ที่พับเก็บอยู่ใต้เบาะแบบตอนเดียว อีกทั้งยังมอบความสะดวกสบายให้แก่ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้วยพนักพิงแยกบนที่นั่งสำหรับผู้ขับขี่ และบอร์ดวางเท้าสำหรับผู้โดยสาร ให้ขับขี่อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย ตอบได้ทุกโจทย์ในชีวิตประจำวัน

บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ล้ำสมัยด้วยหน้าจอสีมัลติฟังก์ชั่น TFT Screen ขนาด 6.5 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยีเชื่อมต่อ BMW ConnectedRide และระบบ Keyless Ride โดยมาให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว Alpine White สีเทา Moonwalk Grey Metallic และสีดำ Blackstorm Metallic

สำหรับ BMW C 400 GT รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 399,000 บาท ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ BMW Motorrad ได้แล้ววันนี้

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME

Vespa Notte Edition 2019 สีดำสนิท เข้มทั้งคัน

Image result for Vespa Notte Edition 2019

Vespa Notte Edition 2019 เข้มขรึมด้วยความดำสนิททั้งคัน มีให้เลือก 2 รุ่น เวสป้า Sprint 150 i-Get ABS Notte  ในราคา 136,900 บาท และ  เวสป้า GTS Super 300 ABS Notte Edition ในราคา 209,900 บาท

ส่งท้ายปีกับสกู๊ตเตอร์ เวสป้า นอตเต้ สเปเชียล อิดิชั่น (Vespa Notte Special Edition) 2 รุ่นได้แก่ เวสป้า สปริ๊นท์ 150 ไอ-เก็ต เอบีเอส นอตเต้ อิดิชั่น (Vespa Sprint 150 i-Get ABS Notte Edition) และ เวสป้า จีทีเอส ซูเปอร์ 300 เอบีเอส นอตเต้ อิดิชั่น (Vespa GTS Super 300 ABS Notte Edition)

โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ด้วยสีดำด้าน (Nero Notte) รอบคัน ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “Urban Night Ride” ตัวรถตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง สะท้อนความเรียบหรูบนความเท่สไตล์โมเดิร์นคลาสสิก บาคาร่า สูตรบาคาร่า

สำหรับชื่อ “นอตเต้” มาจากคุณลักษณะเด่นประจำเวสป้ารุ่นนี้ด้วยการใช้วัสดุสีดำตกแต่งรอบคัน เริ่มจากตัวถัง เนกไท บังโคลนหน้า และฝาครอบท่อไอเสียสีดำด้าน เพิ่มลูกเล่นด้วยสีดำเงาบริเวณคิ้วกันลม (Trim) กรอบกระจกมองข้างและล้อแม็กซ์ 

พิเศษเฉพาะในเวสป้า GTS Super 300  ได้แก่ ปลายของแฮนด์รถที่เพิ่มความสปอร์ตให้กับตัวรถสีดำด้าน และที่พักเท้า แบบพับได้เพิ่มความสะดวกสบาย เวสป้ายังได้ปรับแต่งเบาะให้เข้ากับรถโดยเฉพาะด้วยหนังปั้มลอนเพื่อรูปลักษณ์ที่หรูหรา เสริมความพิเศษยิ่งขึ้นด้วยชิลด์สั้นกันลมสีสโม้คและตะแกรงหลังสีดำด้าน 

เวสป้า นอตเต้ สเปเชียล อิดิชั่น 2019 (Vespa Notte Special Edition 2019) จำกัดเพียง 600 คันเท่า ในราคา 136,900 บาท

เครื่องยนต์ ไอ-เก็ต (i-Get) 150 ซี.ซี. สูบเดี่ยว 4 จังหวะ หัวฉีดระบบอิเล็กทรอนิกส์ 3 วาล์ว ให้กำลัง 12.7 แรงม้าที่ 7,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 12.8 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบต่อนาที สูงที่สุดเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ในขนาดเดียวกัน ปลอดภัยระหว่างการขับขี่มากยิ่งขึ้นด้วยระบบเบรก ABS 

เวสป้า จีทีเอส ซูเปอร์ 300 เอบีเอส นอตเต้ อิดิชั่น 2019 (Vespa GTS Super 300 ABS Notte Edition 2019) จำนวนจำกัดเพียง 200 คันเท่านั้น ราคา 209,900 บาท

เครื่องยนต์ ควอซาร์ (Quasar) ขนาด 300 ซี.ซี. 4 จังหวะ 4 วาล์ว ระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Fuel Injection) ให้กำลัง 21.2 แรงม้า ที่ 7,750 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 22 นิวตันเมตร ที่รอบต่ำเพียง 5,000 รอบต่อนาที ระบบระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ (Liquid Cooled) เพิ่มประสิทธิภาพให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มที่มากขึ้น อากาศภายในเครื่องยนต์ไหลเวียนได้ดีเยี่ยม 

มีระบบ ASR (Anti-Slip Regulation) ป้องกันการลื่นไถลของรถแม้ต้องเผชิญกับสภาพพื้นผิวถนนไม่ปรกติ พร้อมด้วยระบบเบรก ABS 

ให้ของพรีเมี่ยม NotteEdition

ประกอบด้วย เป้สะพายหลังดีไซน์เท่, ผ้าบัฟฟ์สีดำลาย  Vespa Notte, หมวกแก็ป, พวงกุญแจหนังแท้, กระบอกน้ำอลูมิเนียม, แบตเตอรี่สำรองสำหรับชาร์จสมาร์ทโฟน และหมวกกันน็อคสีดำด้าน

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME

Honda CBR250RR 2019 มาพร้อมเทคโนโลยีแชมป์โลก MotoGP

Honda CBR250RR 2019 เปิดราคาจำหน่าย 249,000 บาท นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นทั้งคัน  Honda CBR250RR 2019 สปอร์ตมากด้วย รหัส RR Racing Replica ถ่ายทอดทุกอณู DNA เทคโนโลยีรถแข่งแชมป์โลกโมโตจีพี 

วันที่ 27 มีนาคม 2562 เอ.พี.ฮอนด้าได้ทำการเปิดตัว  Honda CBR250RR 2019 สายตรงความแรงรหัส RR…Racing Replica ภายใต้คอนเซปต์ Beating Master “สปอร์ตพันธุ์แข่ง แรงระดับมาสเตอร์” ถ่ายทอดทุกอณู DNA เทคโนโลยีรถแข่งแชมป์โลกโมโตจีพี เทียบชั้น Racing Machine ตัวเต็มจากสนามแข่งในคลาส 250 ซี.ซี. ซึ่งเป็นการนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น

Honda CBR250RR 2019 เปิดราคาจำหน่ายที่ 249,000 บาท
 

ดุดันด้วยไฟหน้าคู่ LED 2 ชั้น Double-Layered เอกลักษณ์เฉพาะ CBR250RR เฉียบคมด้วยตำแหน่งไฟ Position Light คู่บน และ ตำแหน่งไฟ Low Beam ที่คู่ล่าง ส่องสว่างพร้อมกัน พร้อมไฟ High Beam ที่ด้านข้าง เพิ่มความมั่นใจเมื่อใช้ไฟสูง ไฟเลี้ยว LED แบบแยกส่วน

 

ตัวรถดีไซน์สไตล์รถแข่ง เส้นสายเฉียบคม ปราดเปรียวลู่ลมตามหลักแอโรไดนามิก พร้อมช่อง Air Duct ที่แฟริ่งข้าง ช่วยเสริมการระบายความร้อนได้เต็มประสิทธิภาพ  บาคาร่า สูตรบาคาร่า

โครงสร้างเฟรมถัก Truss Frame ออกแบบด้วยเทคโนโลยี CAE (Computer Aided Engineering) ให้สมดุลน้ำหนักบาลานซ์ได้ดี สวิงอาร์มอะลูมิเนียมใช้เทคนิคการหล่อขึ้นรูปแบบ GDC (Gravity Die Casting) แข็งแรง น้ำหนักเบา  

Honda CBR250RR 2019 อุปกรณ์ที่ให้ ระดับ Racing Machine
 

เรือนไมล์แบบดิจิทัล มีมาตรวัดความเร็ว มาตรวัดรอบเครื่องยนต์ ไฟเตือนรอบเปลี่ยนเกียร์ Shift Lighter ไฟบอกตำแหน่งเกียร์ ไฟบอกโหมดการขับขี่ มาตรวัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิง มาตรวัดอุณหภูมิเครื่องยนต์ พร้อมระบบ ODO Meter แสดงระยะการเดินทางได้อย่างแม่นยำทั้งทริป A, B และโหมด Lap Timer โหมดจับเวลาในแต่ละรอบการขับขี่แข่งขัน  

 

โช้คหน้าหัวกลับ Upside-Down แบรนด์ Showa และโช้คแบบโปรลิงค์ สามารถปรับความแข็งได้ 5 ระดับ รับแรงกระแทกได้ตามน้ำหนักผู้ขับขี่และสภาพถนน ล้ออัลลอยอะลูมิเนียม 7 ซี่ ใช้เทคนิคหล่อขึ้นรูปด้วยระบบ GDC (Gravity Die Casting) น้ำหนักเบาแต่แข็งแรงทนทาน 

 

 

 

 

ยางหน้า-หลัง แบบเรเดียลเสริมใยเหล็ก ดิสก์เบรกหน้าและหลังมาพร้อมระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS 2Channel ที่ทำงานแยกหน้า-หลัง ขณะที่ดิสก์เบรกหน้าขนาดใหญ่แบบลอยตัว เส้นผ่าศูนย์กลาง 310 มม. เพิ่มประสิทธิภาพให้ผ้าเบรกจับจานเบรกได้เต็มหน้าสัมผัส

ขุมพลังของ Honda CBR250RR2019
 

เครื่องยนต์ 250 ซี.ซี DOHC 4 วาล์ว 2 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ออกแบบจัดวางระบบภายในให้ตัวเครื่องมีขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบา ทำงานได้ทรงประสิทธิภาพสูงสุด เสื้อสูบอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา ระบายความร้อนได้ดี ลูกสูบเคลือบโมลิบดีนัม ลดแรงเสียดทาน 

วางตำแหน่งปั๊มน้ำต่อตรงกับเพลาลูกเบี้ยวถอดแบบจากรถแข่ง RC213V ช่วยระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้น ปั๊มน้ำมันเครื่องอยู่ติดกับตัวเครื่องยนต์พร้อมกับใช้กรองน้ำมันเครื่อง 2 ตัวแบบรถบิ๊กไบค์ ให้ประสิทธิภาพการหล่อลื่นสูงสุด เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มกำลังตลอดเวลา

 

ปรับโหมดการขับขี่ที่ได้ 3 ระดับ เริ่มจากโหมด COMFORT (คอมฟอร์ต) สำหรับการขับขี่สบาย ๆ เพลิดเพลินในเมือง โหมด SPORT (สปอร์ต) เมื่อต้องการเพิ่มความสนุก เร้าใจในทุกเส้นทาง และโหมด SPORT+ (สปอร์ตพลัส) เพื่อการขับขี่ที่ดุดันสะใจสไตล์สนามแข่ง

มี THROTTLE-BY-WIRE เทคโนโลยีคันเร่งไฟฟ้า ทำงานประสานกับเซ็นเซอร์ APS (Accelerator Position Sensor Unit) ตรวจวัดแรงบิดคันเร่ง และส่งข้อมูลไปยัง ECU (Engine Control Unit) เพื่อประมวลผลร่วมกับระยะเปิดเรือนลิ้นเร่ง และการทำงานของเครื่องยนต์ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างปลายท่อไอเสียแบบคู่ ระบายไอเสียได้ดี รีดพลังเสียงได้หนักแน่นเร้าใจทั้งช่วง High Speed และ Low Speed

Honda CBR250RR2019 นำเข้าจากญี่ปุ่นมีให้เลือก 2 สี คือ สีแดงและสีดำ ราคาแนะนำที่ 249,000 บาท เริ่มวางจำหน่าย 1 เมษายน 2562 ถือว่าราคาค่อนข้างแรง เมื่อเทียบคลาส 250-300 ซี.ซี.ด้วยกัน อย่างเช่น Yamaha R3 มีราคา 185,000 บาท หรือ Kawasaki Ninja 250SL ราคา 123,000 บาท แต่จากที่ชมคันจริงมา ก็ต้องบอกว่าสวยจัดเกินหน้าเกินตารุ่นอื่นจริง ๆ

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME

Honda Click 150i และ 125i 2019 มาพร้อมชุดสีสุดแสบ

วันที่ 4 กรกฎาคม 2562 บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด แนะนำมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ในกลุ่ม สปอร์ต เอ.ที. ยอดนิยม 2 รุ่น Honda Click 150i และ Honda Click 125i รุ่นปี 2019 ประกบพรีเซ็นเตอร์ มาริโอ เมาเร่อ คนเดิม เพิ่มเติมคือความเท่ สปอร์ตและเร้าใจด้วยชุดสีใหม่ที่แสบสัน สะดุดตามากยิ่งขึ้น

Honda Click 150i
 

วันที่ 4 กรกฎาคม 2562 บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด แนะนำมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ในกลุ่ม สปอร์ต เอ.ที. ยอดนิยม 2 รุ่น Honda Click150i และ Honda Click 125i รุ่นปี 2019 ประกบพรีเซ็นเตอร์ มาริโอ เมาเร่อ คนเดิม เพิ่มเติมคือความเท่ สปอร์ตและเร้าใจด้วยชุดสีใหม่ที่แสบสัน สะดุดตามากยิ่งขึ้น

Honda Click 150i
 

สำหรับ Honda Click150i และ Honda Click 125i รุ่นปี 2019 ใหม่ นอกเหนือจากขุมพลังที่แตกต่างกันแล้ว จะมาในบุคลิกและ Concept ที่แตกต่างกัน โดย Honda Click150i 2019 เครื่องยนต์ 150 ซี.ซี. จะเน้นลุคสปอร์ตและมีความแสบสัน ดูกร้าวมากกว่ารุ่นปี 2018 ด้วยคู่สีใหม่  2 แบบ ได้แก่ บาคาร่า สูตรบาคาร่า

  • สีดำ-ส้ม (Black-Orange)
  • สีขาว-ส้ม (White-Orange)
Honda Click 150i
 

ส่วน Honda Click 125i 2019 เครื่องยนต์ 125 ซี.ซี. รุ่นยอดนิยม ปรับการเล่นคู่สีใหม่ในส่วนของรุ่นล้อแม็ก ขณะที่รุ่นล้อซี่ลวด มีการตัดตัวเลือกชุดสีส้ม-ดำ (Orange-Black) ออก และเสียบแทนด้วยชุดสีเหลือง-ดำ (Yellow-Black) แต่ยังคงมีให้เลือก 5 คู่สี เหมือนเดิม ได้แก่

รุ่นล้อแม็ก
  • สีขาว-ดำ (White-Black)
  • สีดำ (Black)
  • สีแดง-ดำ (Red-Black)
รุ่นล้อซี่ลวด
  • สีน้ำเงิน-ดำ (Blue-Black)
  • สีเหลือง-ดำ (Yellow-Black)
Honda Click 150i
 

ขณะที่รายละเอียดและฟังก์ชั่นที่น่าสนใจของทั้ง Honda Click150i และ Honda Click 125i ใหม่ ปี 2019 ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมในรายละเอียด เช่น

  • ไฟหน้าและไฟท้าย LED
Honda Click 150i

 

 
Honda Click 150i

 

 
  • แผงหน้าปัดดิจิทัล กุญแจรีโมต Honda Smart Key สตาร์ตรถโดยไม่ต้องใช้กุญแจ
Honda Click 150i
 
  • พื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ ใส่หมวกกันน็อกได้เต็มใบ
Honda Click 150i
 
          ซึ่งปัจจุบันในกลุ่มมอเตอร์ไซค์สปอร์ต เอ.ที. หรือ ออโตเมติก ใกล้เคียงกับ Honda Click150i 2019 จะมี Yamaha Aerox 155 เครื่องยนต์ 155 ซี.ซี. ราคาเริ่ม 64,400 บาท ทำตลาดอยู่เช่นกัน ส่วนกลุ่ม Honda Click 125i 2019 จะมี Yamaha GT125 COC ราคาเริ่ม 46,100 บาท ตีคู่กันอยู่ โดยมอเตอร์ไซค์ออโตเมติกฝั่ง Yamaha ทั้ง 2 รุ่น จะแพงและมีความจุมากกว่าเล็กน้อย

นอกเหนือจากนี้ ภายในงานเปิดตัว Honda Click150i และ Honda Click 125i 2019 ใหม่ ทาง เอ.พี. ฮอนด้า ยังได้แนะนำ Honda CB300R 2019 ใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Art of Performance เพื่อสื่อสารให้เข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา (กว่า Neo Sport Café คอนเซ็ปต์เดิมเมื่อเปิดตัวครั้งแรก) พร้อมกับปรับสีใหม่หมดยกเซต แต่ยังคงมีให้เลือก 3 สี ดังนี้

  • สีแดง Candy Chromosphere Red
  • สีดำ Strike Black
  • สีน้ำเงินมุก (ด้าน) Matte Pearl Agile Blue
Honda Click 150i
 
Honda Click 150i
 

โดยราคา Honda Click150i ปี 2019 ใหม่ แจ้งไว้ที่ 60,700 บาท ส่วน Honda Click 125i ปี 2019 รุ่นล้อแม็ก ราคา 54,700 บาท รุ่นล้อซี่ลวด ราคา 51,000 บาท และทาง เอ.พี. ฮอนด้า พร้อมจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ส่วน Honda CB300R 2019 ใหม่ ราคา 149,800 บาท จะเริ่มวางจำหน่าย ตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม 2562

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME

Vespa Carbon Edition 2019 สกูตเตอร์พรีเมี่ยมจาก Vespa

สำหรับใครเป็นแฟนหรืออาจถึงขั้นสาวกของสกูตเตอร์พรีเมียมระดับไอคอนอย่าง Vespa ซึ่งถือว่ามีความเป็น “Culture” สูงมากแบรนด์หนึ่ง บริษัท เวสปิอาริโอ (ประเทศไทย) ได้นำเสนอทางเลือกใหม่ให้กับ Vespa Sprint 150 i-Get ABS และ Vespa S 125 i-Get ด้วยรุ่นตกแต่งพิเศษ Vespa Carbon Edition ขี่แล้วดูคัลต์ ๆ คูล ๆ กันไป ส่วนราคาจำหน่ายต้องทำใจ อาจเหมาะกับทุกเพศแต่ไม่ทุกวัยนักโดย Vespa CarbonEdition รอบนี้ มีให้เลือกกัน 2 รุ่น 2 สไตล์ ได้แก่

  • Vespa Sprint 150 i-Get ABS CarbonEdition ราคา 136,900 บาท
Vespa Carbon Edition 2019
  • Vespa S 125 i-Get CarbonEdition ราคา 94,900 บาท
Vespa Carbon Edition 2019

ซึ่งรถสกูตเตอร์พรีเมียมจาก Vespa ทั้ง 2 รุ่น จะมาในบุคลิกมินิมอล คุมโทน แต่ทันสมัยและเพิ่มความเด่นด้วยการคาดลวดลายคาร์บอนและชุดแต่งเพิ่มลุคสปอร์ต รวมถึงซิกเนเจอร์แสดงความเป็นอิตาลี กับการเล่นสีเขียว-ขาว-แดง (Italian Tri-Color) บาคาร่า สูตรบาคาร่า

Vespa Carbon Edition 2019

ในส่วนของ Vespa Sprint 150 i-Get ABS CarbonEdition 2019 จะค่อนข้างหรูหรากว่า Vespa S 125 i-Get Carbon Edition ในแบบรุ่นใหญ่ เบาะนั่งลวดลายคาร์บอน มีการเดินกรอบคิ้วในจุดต่าง ๆ ด้วยสีเทา (Dust Grey) รวมถึงอุปกรณ์ตกแต่ง เช่น ชิลด์กันลมสีสโม้กและกันชนหน้าสีดำ มาพร้อมกับเพลตโลโก้คาร์บอน

ขุมพลัง Vespa  Sprint 150 i-Get ABS CarbonEdition 2019 ใช้เครื่องยนต์ i-Get ขนาด 150 ซี.ซี. 4 จังหวะ 3 วาล์ว ระบบระบายความร้อนแบบหมุนวนแบบพัดลม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

Vespa Carbon Edition 2019

ทางด้าน Vespa S 125 i-Get CarbonEdition การตกแต่งก็จะคล้าย ๆ กับ Vespa  Sprint 150 i-Get ABS CarbonEdition 2019 คือคาดสติกเกอร์ลายคาร์บอนไฟเบอร์และแถบสีธงชาติอิตาลี แต่ภาพรวมมินิมอลกว่า รวมถึงอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มคือ ชิลด์กันลมสีสโม้ค และกันชนหลังสีดำ

ส่วนขุมพลัง Vespa S 125 i-Get CarbonEdition ไม่ต่างจาก Vespa Sprint 150 i-Get ABS CarbonEdition 2019 เว้นเสียแต่ ขนาดความจุ 125 ซี.ซี. ซึ่งน้อยกว่า นอกเหนือจากนี้พื้นฐานไม่ต่างกัน แต่ทั้ง Vespa Sprint 150 i-Get ABS Carbon Edition 2019 และ Vespa S 125 i-Get CarbonEdition 2019 ค่อนข้างคุมโทน จึงมีสีตัวถังให้เลือก 2 สี ได้แก่

  • สีดำ (Nero Vulcano)
  • สีขาว (White Innocenza)

โดย Vespa Sprint 150 i-Get ABS Carbon Edition มีจำหน่ายเพียงสีละ 550 คัน และ Vespa S 125 i-Get CarbonEdition มีจำหน่ายเพียงสีละ 600 คัน เท่านั้น ซึ่งจะได้พรีเมียมเซตสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ธีมเดียวกับ Vespa Carbon Editon คือ

  • หมวกกันน๊อก
  • พวงกุญแจ
  • ผ้าบัฟ
  • กระเป๋าสะพาย

และสาวก Vespa หลายคนอาจอ่อนไหวกับคำว่า Limited และกลายเป็นของตายกับของแถมเหล่านี้ ซึ่งถ้าจิตแข็งพอหรือไม่ถึงขั้นเป็นสาวก แต่ต้องการพรีเมียมสกูตเตอร์ที่คัลต์ใกล้เคียงก็ยังพอมี Scomadi TT125i ให้พิจารณา ส่วนถ้างบต่ำกว่านี้อาจลองเป็น Moto Parilla Levriero 150 ราคาก็ไม่แรงดีเช่นกัน

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME

Royal Enfield Bullet Trials Works Replica แชมป์แข่งขันไทรอัลส์ในตำนาน!

เปิดตัวรถจักรยานยนต์รอยัล Royal Enfield Bullet Trials Works Replica ตำนานที่ถูกสืบทอดมาตั้งแต่ทศวรรษ 1940 รุ่นลิมิเต็ด วางขายในไทยจำนวนจำกัด 210 คันเท่านั้น สุดยอดความคลาสสิคทั้งคัน เปิดให้จับจองแล้ววันนี้ในราคาไม่ถึง 2 แสน บาคาร่า สูตรบาคาร่า

 

วันที่ 8 สิงหาคม 2562 รอยัล เอนฟิลด์ ประเทศไทย ได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ “บุลเล็ต ไทรอัลส์ เวิร์คส์ เรพลิกา” ตำนานที่ยังมีชีวิต เฉลิมฉลองแบรนด์รถมอเตอร์ไซค์ที่มีสายการผลิตต่อเนื่องยาวนานที่สุดในโลก มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 87 ปีที่บุลเล็ตสร้างความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ และเป็นการรำลึกถึงมอเตอร์ไซค์รอยัล เอนฟิลด์ บุลเล็ต ไทรอัลส์ ในปี 1949 เป็นเกียรติให้ทีมสร้างรถมอเตอร์ไซค์รอยัล เอนฟิลด์ และนักแข่งจอห์นนี บริทเทน ที่เป็นตำนานในการแข่งขันไทรอัลส์

 

 

มาร์ค เวลส์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์และการออกแบบอุตสาหกรรม รอยัล เอนฟิลด์ โกลบอล กล่าวภายในงานเปิดตัวบุลเล็ต ไทรอัลส์ว่า “รอยัล เอนฟิลด์มีประวัติศาสตร์อันยาวนานที่น่าภาคภูมิใจในการสร้างรถมอเตอร์ไซค์ที่เป็นอมตะและมีความทนทาน ซึ่งบุลเล็ตคือรถมอเตอร์ไซค์ที่ทนทานและมีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานที่สุด ภาพของรถมอเตอร์ไซค์บุลเล็ต ไทรอัลส์ที่ขี่โดยจอห์นนี บริทเทนนั้นเป็นสิ่งที่เราไม่เคยลืม ภาพเหล่านั้นทำให้เรารำลึกถึงสมรรถนะอันล้นเหลือของรถมอเตอร์ไซค์ที่อยู่เหนือเส้นทางอันท้าทายและความสำเร็จในการแข่งขันไทรอัลส์ โดยรถมอเตอร์ไซค์บุลเล็ต ไทรอัลส์ ปี 2019 ได้แรงบันดาลใจจากรถไทรอัลส์ของจอห์นนี บริทเทนที่คว้าแชมป์มากกว่า 50 ครั้งระหว่างปี 1948 ถึง 1965 และยังเป็นการอุทิศให้แก่รากฐานของการออกแบบและความเชี่ยวชาญทางวิศวกรรมของเราได้อย่างสมบูรณ์แบบจนเกิดเป็นช่วงล่างแบบสวิงอาร์มครั้งแรกในรถบุลเล็ตในปี 1949 และในปีนี้ เราร่วมรำลึกครบรอบ 70 ปีแห่งชัยชนะในรายการ ISDT ของบุลเล็ต ไทรอัลส์ ที่นับเป็นการนำเสนอช่วงล่างแบบสวิงอาร์มเป็นครั้งแรกในปี 1949 ผมมั่นใจว่ารถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้จะได้เสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ที่มีความหลงใหลต่อแบรนด์รอยัล เอนฟิลด์ใน ประเทศไทย” บาคาร่า สูตรบาคาร่า

 

 

ประวัติศาสตร์ของการแข่งขันไทรอัลส์สามารถย้อนกลับไปได้ถึงต้นยุคทศวรรษ 1920 เมื่อผู้ผลิตรถจักรยานยนต์มักให้รถของตนเข้าร่วมการแข่งขันรถที่เรียกว่าไทรอัลส์ โดยให้คำนิยามการแข่งขันว่า “ไทรอัลส์ที่ไว้ใจได้” (Reliability Trials) เนื่องจากเป็นการโชว์สมรรถนะและศักยภาพในการยึดเกาะถนน ความสามารถในการควบคุมทิศทาง และความทนทานโดยรวมที่ไว้ใจได้ โดยร่วมการแข่งขันในสหราชอาณาจักรและทั่วทั้งภูมิภาคยุโรป อย่างไรก็ตามเมื่อพื้นผิวถนนถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 20 การแข่งขันแบบไทรอัลส์ได้เปลี่ยนสนามไปสู่การแข่งขันบน “เส้นทางออฟโรด” ที่จัดขึ้นเป็นโดยเฉพาะ ซึ่งพื้นผิวเส้นทางที่ท้าทายคือบททดสอบอันหนักหน่วงสำหรับทั้งคนและตัวรถ

การบอกเล่าเรื่องราวการครองความเป็นเจ้าสนามแข่ง ISDT ของบุลเล็ต ไทรอัลส์ไม่อาจสมบูรณ์แบบได้ถ้าไม่มี จอห์นนี บริทเทน ผู้ซึ่งกวาดชัยชนะการแข่งขันไทรอัลส์กับรถบุลเล็ต ไทรอัลส์ 350 มานาน 15 ปี จอห์นนีเป็นลูกชายของตำนานนักขี่รายการไทรอัลส์อย่างวิค บริเทน (Vic Brittain) จอห์นนีร่วมทีมรอยัล เอนฟิลด์ตอนอายุ 18 ปี และคว้าเหรียญทองแรกจากการแข่งขัน ISDT ในปี 1950 ด้วยรถไทรอัลส์ บุลเล็ต 350 ซีซีอันโด่งดัง ประทับหมายเลข HNP 331 โดยจอห์นนีคว้าชัยชนะ Scottish Six Days Trial ซึ่งเป็นการแข่งขันระยะทาง 900 ไมล์ภายในระยะเวลา 6 วันเต็ม อย่างยิ่งใหญ่ถึงสองครั้ง (ปี 1952 และ 1957) ชนะการแข่งขัน Scott Trial สุดท้าทายอีกสองครั้ง (ปี 1955 และ 1956) และ British Experts Trial ที่มีความหฤโหดอีกสองครั้ง ซึ่งเขาเป็นผู้ชนะเลิศที่อายุน้อยที่สุดเท่าที่เคยมีมา (ปี 1952 และ 1953) อีกทั้งยังคว้าแชมป์รายใหญ่อีกกว่า 50 รายการและคว้าอันดับหนึ่งในการแข่งขันโอเพ่นไทรอัลส์อีกมากมายในช่วงเวลากว่า 15 ปี

 

 

รถมอเตอร์ไซค์ บุลเล็ต ไทรอัลส์ ปี 2019 คือการอุทิศให้แก่รถบุลเล็ต ไทรอัลส์ ปี 1949 ซึ่งจอห์นนี บริทเทนควบทะยานในการแข่งขันไทรอัลส์หลายรายการ รถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ถ่ายทอดรูปลักษณ์และความรู้สึกของรถในช่วงต้นยุค 1950 ได้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมติดตั้งฟีเจอร์ยุคใหม่อย่างระบบดิสก์เบรกคู่พร้อมเอบีเอส และระบบหัวฉีดอิเลคโทรนิค EFI บุลเล็ต ไทรอัลส์ 500 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ UCE ขนาด 498 cc. และบุลเล็ต ไทรอัลส์ 350 จะใช้เครื่องยนต์ UCE ขนาด 348 cc.

 

 

เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่รถไทรอัลส์ของรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ บุลเล็ต ไทรอัลส์มีอุปกรณ์ตกแต่งของแท้จาก รอยัล เอนฟิลด์มากกว่า 30 รายการให้เลือกสรร ทั้งนี้ รอยัล เอนฟิลด์ ได้ออกแบบและพัฒนาอุปกรณ์ตกแต่งรถมอเตอร์ไซค์สุดพิเศษสำหรับบุลเล็ต ไทรอัลส์โดยเฉพาะจำนวน 5 รายการ ได้แก่ การ์ดป้องกันเครื่องยนต์ขนาดเล็ก ตะแกรงครอบไฟหน้า บอร์ดประทับหมายเลขแข่ง การ์ดกันแคร้งใต้เครื่องอลูมิเนียม และปลอกสวมครอสบาร์

 

 

สำหรับข้อมูลทางด้านการตลาด วิมัล ซุมบ์ลี หัวหน้าฝ่ายธุรกิจประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก รอยัล เอนฟิลด์ กล่าวว่า บริษัทพร้อมส่งมอบ บุลเล็ต ไทรอัลส์ เวิร์คส์ เรพริกา ปลายเดือนก.ย. 2562 ซึ่งยอดจองคันสีแดงมากกว่าสีเขียว 70% ส่วนภาพรวมตลาดรถมอเตอร์ไซค์ขนาด 250-750 cc ในช่วงครึ่งปีแรกติดลบ 1.5% ขณะที่รอยัล เอนฟิลด์เติบโตสวนทางตลาดมียอดขาย 6 เดือน อยู่ที่ 1,207 คัน หรือเติบโต 25% โดยตั้งเป้าทั้งปีจะมียอดขายอยู่ที่ 2,500 คัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 60-70% ใครที่สนใจก็รีบจับจองกันนะครับ ก่อนที่ตัวลิมิเต็ดจำนวน 210 คันจะหมดไป

 

ข้อมูลทางเทคนิค

ประเภทเครื่องยนต์

ลูกสูบเดี่ยว หัวฉีด 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยอากาศ

ปริมาตรกระบอกสูบ

499 cc.

พละกำลังสูงสุด

27.2 แรงม้า ที่ 5250 รอบต่อนาที

แรงบิดสูงสุด

41.3 นิวตันเมตร ที่ 4000 รอบต่อนาที

ระบบเกียร์

Constant mesh 5 เกียร์ คลัทช์มือ

ระบบกันสะเทือนหน้า

โช้คอัพแบบเทเลสโคปิก ระยะยุบ 130 มม. ขนาดแกน 35 มม.

ระบบกันสะเทือนหลัง

โช้คอัพแก๊สคู่ ระยะยุบ 80 มม. สามารถปรับพรีโหลดได้ 5 ระดับ

มิติรถและน้ำหนัก

น้ำหนักตัวรถรวมเชื้อเพลิง

192 กก.

ความสูงเบาะ

800 มม.

ปริมาตรถังน้ำมันเชื้อเพลิง

13.5 ลิตร

ความสูงของใต้ท้องรถ

135 มม.

อุปกรณ์ติดรถ

สำหรับรถคันนี้ ฟังก์ชันการขับขี่ไม่ได้มีระบบไฟฟ้ามากมาย เพื่อการคงความคลาสสิคไว้ มีเพียงระบบเบรค ABS ให้ได้ใช้กัน ระบบไฟส่องสว่างหน้าหลังรวมถึงไฟเลี้ยวเป็นหลอดแบบฮาโลเจน เรือนไมล์เป็นแบบอนาล็อกทั้งหมด คงความดิบแบบรถสมัยก่อนได้เป็นอย่างดี

 

 

สำหรับ Royal Enfield Bullet Trials Works Replica นั้นมีให้เลือก 2 สีด้วยกัน เป็นสีแดง และสีเขียว ซึ่งจะต่างกันที่เฟรมเป็นหลัก โดยสนนราคาอยู่ที่ 191,500 บาท และมีจำนวนจำกัดเพียง 210 คันเท่านั้น ใครที่อยากเป็นเจ้าของสามารถจับจองได้แล้วตั้งแต่วันนี้ที่รอยัล เอนฟิลด์ ประเทศไทย

 

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME

Scomadi TT125i และ TT200i เปิดตัวสกูตเตอร์อังกฤษรุ่นพิเศษ

The Who วงดนตรีร็อกของอังกฤษยุค 60 นี้เองได้กลายมาเป็นหนึ่งในไอคอนของเหล่า Mods ที่ Scomadi สกูตเตอร์สไตล์เรโทรแบรนด์อังกฤษหยิบจับมาใช้เพิ่มความพิเศษให้กับ Scomadi TT125i และ Scomadi TT200i The Who Limited Edition เพื่อแสดงตัวตนด้วยไลฟ์สไตล์ซึ่งไม่จำเป็นต้องเดินตามกรอบและภูมิใจในวัฒนธรรมของตนเองแบบที่ยุคนี้นิยมเรียกกันว่า “คัลต์”

ในสังคมที่เป็นระบบ ระเบียบ เรียบง่ายหรือสงบมากเกินไปเป็นระยะเวลานาน ย่อมเกิดแนวคิดอยาก “แตกแถว” อยู่เสมอ ตัวอย่างมีให้เห็นคือวัฒนธรรม Modernist หรือ Mods ซึ่งเกิดขึ้นในอังกฤษราวยุค 60 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าร่องเข้ารอย การดำเนินชีวิตอย่างมีแบบแผน ไม่หวือหวา ตลอดช่วงระยะฟื้นฟูประเทศ ทำให้เด็กรุ่นหลังบางกลุ่มต้องการแสดงตัวตน สร้างวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง ทั้งการแต่งตัว ไลฟ์สไตล์ ดนตรี และหนึ่งในนั้นคือ The Who วงร็อกในตำนานของอังกฤษ บาคาร่า สูตรบาคาร่า

สโกมาดิ, Scomadi

 

 
สโกมาดิ, Scomadi

 

 

โดย Scomadi TT125i และ Scomadi TT200i The Who Limited Edition จะตกแต่งด้วย 3 สีหลัก สะดุดตา คือ แดง น้ำเงิน บนพื้นตัวถังสีขาว ล้อขนาด 12 นิ้ว พ่นสีแดง ตามเอกลักษณ์ที่ถอดมาจากโลโก้ของ The Who รวมถึงประทับตราสัญลักษณ์ของวง พร้อมระบุลำดับการผลิต ซึ่งจะมีเพียง 500 คัน ทั่วโลก สำหรับสาวก The Who และ Scomadi เหมือนการได้ใส่เสื้อยืดวงดนตรีโปรดที่เราชื่นชอบ

สโกมาดิ, Scomadi
 

ส่วนเครื่องยนต์ของ  ScomadiTT125i และ Scomadi TT200i The Who Limited Edition จะเหมือนกับรุ่นปกติคือ รุ่น TT125i จะมีขนาด 124.6 ซี.ซี. 4 จังหวะ จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด ระบายความร้อนด้วยอากาศ ขณะที่รุ่น TT200i มีขนาดความจุ 181 ซี.ซี. 4 จังหวะ จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด ระบายความร้อนด้วยน้ำ

สโกมาดิ, Scomadi
 

สำหรับราคาจำหน่าย Scomadi TT125i The Who Limited Edition ตั้งราคาไว้ที่ 139,000 บาท และ Scomadi TT125i The Who Limited Edition ราคา 199,000 บาท โดยทั้ง 2 รุ่นจะแพงกว่ารุ่นปกติสีมาตรฐานอยู่ 30,000 บาท

ซึ่งสกูตเตอร์ในงบใกล้เคียงและความ “คัลต์” พอทาบกันได้ น่าจะเป็นแบรนด์สัญชาติอิตาลีอย่าง Vespa Sprint 150 I-Get Carbon Edition ราคา 136,900 บาท และ Vespa GTS Super 300 Notte Edition ราคา 209,900 บาท แต่การตกแต่งออกแนวสุขุม ขรึมเข้มกว่า ส่วนสุดท้ายแล้วสกูตเตอร์พรีเมียมรุ่นไหนจะบอกความเป็นตัวตนในแบบที่เป็นคุณ คงน่าจะมีคำตอบอยู่ในใจกันแล้ว

สรุปสเปค ScomadiTT125i
• เครื่องยนต์ :  4 จังหวะ 1 ลูกสูบ
• ระบบวาล์ว : SOHC 2 วาล์ว
• ปริมาตรกระบอกสูบ : 124.6 ซีซี.
• ระบบจ่ายน้ำมัน : หัวฉีด Delphi
• ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก : 52.4 x 57.8 มม.
• อัตราส่วนแรงอัด : 10.5 + – 0.2 : 1
• ระบบระบายความร้อน : ระบายความร้อนด้วยอากาศ 4T
• ระบบจุดระเบิด : Electronic Inductive
• ระบบการติดเครื่องยนต์ : สตาร์ทมือ ระบบไฟฟ้า
• ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง : 11 ลิตร
• แบตเตอรี่ : 12 Volts
• เฟรม : Space frame tubular chassis with Steel ABS bodywork
• ระบบกันสะเทือน หน้า : Double hydraulic preload adjustable shock Absorber with coil spring with anti dive linkage system.
• ระบบกันสะเทือน หลัง : Coil spring with adjustable preload (4 positions) Hydraulic shock absorber.
• ระบบห้ามล้อ หน้า : ดิสก์เบรค ขนาด 220 มม.
• ระบบห้ามล้อ หลัง : ดิสก์เบรค ขนาด 200 มม.
• ล้อ : ล้อแม็ก
• ขนาดยาง ล้อหน้า : Tubeless, 110/70-12
• ขนาดยาง ล้อหลัง : Tubeless, 120/70-12

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME

All-new Toyota Corolla Altis 2019 ภายใต้คอนเซปต์ “Make A New High”

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงข่าวเปิดตัว The All-New Toyota Corolla Altis 2019 หนึ่งในรถยนต์ซับคอมแพกต์ที่มีผู้ติดตามรอชมมากที่สุด เมื่อวันอังคารที่ 3 กันยายน 2562 ที่ จีเอ็มเอ็ม ไลฟ์เฮ้าส์ ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยนี่คือ Model Flagship ของค่าย โตโยต้า ในปีนี้

สำหรับ All-new Toyota Corolla Altis 2019 เปิดตัวภายใต้คอนเซ็ปต์ “Make A New High – ข้ามสู่ขีดสุดที่เหนือกว่า” เปลี่ยนแปลงจากโฉมก่อนหน้านี้ตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูแข็งแรงและทันสมัยมากขึ้น ขณะที่ โตโยต้า ระบุว่าการออกแบบคำนึงถึงความสะดวกสบายในการใช้งานของผู้ขับขี่และผู้โดยสารเป็นหลัก ทำให้ภายในห้องโดยสารกว้าง พร้อมด้วยฟังก์ชันการใช้งานของอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่ครบครัน บาคาร่า สูตรบาคาร่า

Toyota Altis 2019
 

มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า หลังจากเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยครั้งแรกตั้งแต่ พ.ศ. 2509 All-new Toyota Corolla Altis2019 คือรถยนต์ โคโรลล่า รุ่นที่ 12 ที่ยอดเยี่ยมพอสำหรับการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์ในกลุ่มนี้ได้เลยทีเดียว

ในฐานะที่โคโรลล่าเป็นรถซีดานที่ได้รับความนิยมมากที่สุดรุ่นหนึ่งในประเทศไทย ทำให้ความคาดหวังของลูกค้าที่มีต่อรถรุ่นนี้สูงขึ้นเรื่อย ๆ จึงเป็นแรงบันดาลใจให้เราสรรค์สร้าง ยนตรกรรมที่ดียิ่งกว่า เพื่อตอบสนองความต้องการที่เหนือความคาดหมายของลูกค้าของเรา

มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ

กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด

Toyota Altis 2019
 

สิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับ All-new Toyota Corolla Altis2019 ก็คือการมาพร้อมกับระบบไฮบริดรุ่นล่าสุดเจเนอเรชั่นที่ 4 ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในอัตราการเร่งที่ดีขึ้น และสามารถประหยัดน้ำมันได้สูงสุด รวมถึงแพลตฟอร์มหรือสถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ TNGA (Toyota New Global Platform) ที่จะช่วยเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่อย่างเต็มที่ และนอกจากนี้ All-new Toyota Corolla Altis2019 ยังติดตั้ง Toyota Safety Sense เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยแบบเดียวกับที่มีใน Toyota Camry และ Toyota C-HR อีกด้วย

“ในโคโรลล่า อัลติส รุ่นใหม่นี้ ยังมาพร้อมกับเครื่องยนต์ไฮบริดเจเนอเรชั่นที่ 4 ซึ่งมีประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันสูงสุด ด้วยอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ 23 กิโลเมตรต่อลิตร” มร.ซึงาตะ ระบุ

ขณะที่แนวคิดหลักในการพัฒนา All-new Toyota Corolla Altis2019 ถูกวางแผนให้มี 5 จุดขายหลัก ได้แก่

1. ด้านการออกแบบ – ภายนอกออกแบบภายใต้แนวคิด “Shooting Robust” โฉบเฉี่ยว ทันสมัย ให้ความหนักแน่น ส่วนการออกแบบภายในมีแนวคิด “Clean & Wide” ตัวรถกว้าง พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ

Toyota Altis 2019

 

 
Toyota Altis 2019

 

 

2. ด้านประสิทธิภาพของการขับขี่ – แพลตฟอร์มใหม่ TNGA ที่ช่วยทำให้จุดศูนย์ถ่วงของตัวรถโดยรวมลดลง เพิ่มประสิทธิภาพการทรงตัวทั้งการขับขี่ทางตรงและในขณะเข้าโค้ง ช่วงล่างด้านหน้า MacPherson Strut และช่วงล่างด้านหลังอิสระแบบปีกนกคู่ Double Wishbone เพิ่มความนุ่มนวลในขณะโดยสารและเพิ่มประสิทธิภาพการทรงตัวได้อย่างดีเยี่ยม รวมถึงการเพิ่มวัสดุดูดซับเสียงและการสั่นสะเทือนในตำแหน่งต่าง ๆ

3. ระบบ ไฮบริด เจเนอเรชั่นที่ 4 – ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ระบบ Full hybrid system ถูกนำมาไว้ในรถยนต์ในตลาด C-Segment ช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ยังคงไว้ซึ่งความสนุกในการขับขี่ และตอบสนองต่อการเร่งแซงได้อย่างมั่นใจ

Toyota Altis 2019
 

4. ระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้า

     4.1. ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Active Safety) ซึ่งประกอบด้วย

        ● ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (Blind Spot Monitor)

        ● ระบบช่วยเตือนในขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert)

        ● ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control)

        ● ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill Start Assist Control)

     4.2. ระบบความปลอดภัยหลังการชน (Passive Safety) เสริมโครงสร้างด้านหน้า เพื่อช่วยถ่ายเทแรงในกรณีที่เกิดการปะทะ โครงสร้างด้านข้างแบบวงแหวนช่วยลดการยุบตัวจากการชน รวมทั้งมีถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง

     4.3. Toyota Safety Sense ใหม่ล่าสุด ที่เพิ่มระบบ Dynamic Radar Cruise Control แบบ Full-Speed range ซึ่งสามารถปรับลดความเร็วจนถึงจุดหยุดนิ่งตามรถยนต์คันหน้าและระบบ Lane Tracing Assist ช่วยประคองรถยนต์ให้วิ่งอยู่ในเลนได้ในขณะเข้าโค้ง

5. ระบบการเชื่อมต่อ – สะดวกสบายไปกับ Apple CarPlay และ T-Connect Telematics เพื่อช่วยให้ไม่พลาดในทุกการเชื่อมต่อ ทุกที่ และทุกเวลา

Toyota Altis 2019
 

สำหรับ All-new Toyota Corolla Altis2019 มีจำหน่าย 6 รุ่นย่อย และมีให้เลือก 7 สีคือ 

  • White Pearl*                       
  • Phantom Brown 
  • Super White II                     
  • Attitude Black Mica
  • Silver Metallic                     
  • Red Mica Metallic
Toyota Altis 2019
 

All-new Toyota Corolla Altis2019 ราคาขายแต่ละรุ่นย่อย

รุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด 
  • Hybrid High เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1,099,000 บาท*** 
  • Hybrid Mid เกียร์อัตโนมัติ ราคา 989,000 บาท*** 
  • Hybrid Entry เกียร์อัตโนมัติ ราคา 939,000 บาท*** 

(*สำหรับสีพิเศษ White Pearl มีเฉพาะรุ่น Hybrid และเครื่องยนต์ 1.8 GR-Sport เพิ่ม 10,000 บาท)

รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 
  • 1.8 GR-Sport** เกียร์อัตโนมัติ ราคา 999,000 บาท***
  • 1.6G เกียร์อัตโนมัติ ราคา 869,000 บาท*** 
  • Limo เกียร์อัตโนมัติ ราคา 829,000 บาท*** 

(**มี 3 สี White Pearl, Red Mica Metallic, Attitude Black Mica) 

***ราคาดังกล่าวเป็นราคารถยนต์พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ผลิตจากโรงงาน รวมราคาชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ

Toyota Altis 2019
 

All-new Toyota Corolla Altis2019 ข้อมูลทางเทคนิค

สำหรับเครื่องยนต์ไฮบริด
Toyota Altis 2019
 
สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน
Toyota Altis 2019
 

All-new Toyota Corolla Altis2019 ระบบเครื่องยนต์และระบบเกียร์

สำหรับรุ่นไฮบริด

     • เครื่องยนต์ 2ZR-FXE ขนาด 1.8 ลิตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า และเกียร์ E-CVT ขีดสุดแห่งพลังขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริดเจเนอเรชันที่ 4 เพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดน้ำมันได้ดียิ่งขึ้น 

สำหรับรุ่น GR SPORT 

     • เครื่องยนต์ 2ZR-FBE ขนาด 1.8 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ SUPER CVT-i 7 สปีดพร้อม Sequential Shift ขีดสุดแห่งความแรง ด้วยอัตราเร่งเต็มพลังตอบสนองได้ดั่งใจ เพื่อการขับขี่ที่เต็มประสิทธิภาพ 

สำหรับรุ่น 1.6G 

     • เครื่องยนต์ 1ZR-FBE ขนาด 1.6 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ SUPER CVT-i 7 สปีดพร้อม Sequential Shift ให้คุณมั่นใจกับการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ

All-new Toyota Corolla Altis 2019 อุปกรณ์มาตรฐาน

อุปกรณ์ภายนอก
  • ไฟหน้า LED Projector เปิด-ปิด อัตโนมัติ 
  • ไฟส่องสว่างกลางวันแบบ LED Daytime Running Lights 
  • ไฟท้าย LED Rear Lamps 
  • ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว 
  • ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ (Smart Entry) สามารถปลดล็อกประตูได้โดยอัตโนมัติ
Toyota Altis 2019

 

 
Toyota Altis 2019

 

 
อุปกรณ์ภายใน
  • Head Up Display หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้ารถ 
  • Push Start ระบบสตาร์ตอัจฉริยะ 
  • Optitron Meter with Multi Information Display 7” มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีขนาด 7 นิ้ว 
  • Touchscreen 8” support Apple CarPlay with Navigator หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay พร้อมระบบนำทาง Navigator รองรับ T-CONNECT 
  • Automatic Air Conditioning System ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 
  • Nanoe ระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสารสร้างโมเลกุลน้ำล้อมรอบประจุลบเพื่อขจัดกลิ่นและยับยั้งเชื้อโรค 
  • Auto Folding Mirror กระจกมองข้างพับเก็บอัตโนมัติ 
  • Wireless Charger แท่นชาร์จไฟแบบไร้สาย 
  • EC Mirror กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ 
  • Auto Brake Hold ระบบหน่วงแรงเบรกอัตโนมัติ และ Electric Parking Brake ระบบเบรกมือไฟฟ้า 
  • Rear Air Conditioning ช่องปรับอากาศสำหรับที่นั่งด้านหลัง 
  • Rear Sunshade ม่านบังแดดที่กระจกหลัง
Toyota Altis 2019
 

All-new Toyota Corolla Altis 2019 เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัย

สถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ (TNGA) 
  • BODY RIGIDITY เพิ่มความมั่นคงของรถจากโครงสร้างเหล็กที่แข็งแรง พร้อมเพิ่มจำนวนจุดเชื่อมตัวรถ (Spot welding) ช่วงรองรับแรงบิดที่มีต่อตัวถัง เพิ่มประสิทธิภาพในการทรงตัวและเกาะถนน 
  • LOWER CENTER OF GRAVITY ออกแบบให้มีจุดศูนย์ถ่วงรถต่ำ ลดอาการโคลงของตัวรถ ช่วยเรื่องการทรงตัวและการเข้าโค้งดีขึ้น 
  • DOUBLE WISHBONE SUSPENSION ช่วงล่างอิสระแบบปีกนกคู่ เพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่ แต่ยังคงไว้ซึ่งการเกาะถนนอย่างดีเยี่ยม 
  • GOOD HANDLING พวงมาลัยมีการปรับจูนใหม่ ตอบสนองแม่นยำมากขึ้น เพื่อให้การควบคุมรถง่าย เป็นไปอย่างมั่นใจ 
  • EXCELLENT VISIBILITY ออกแบบตัวรถให้เหมาะกับสรีระผู้ขับขี่ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัย ลดจุดอับสายตา
ระบบความปลอดภัย
  • Back Guide Monitor กล้องมองภาพขณะถอยหลัง 
  • Rear Cross Traffic Alert ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ 
  • Hill-start Assist Control ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน 
  • Blind Spot Monitor ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง 
  • Back Sonar สัญญาณเตือนกะระยะท้ายรถ 
  • Tire Pressure Monitoring System ระบบแจ้งเตือนเมื่อลมยางผิดปกติ 
  • Traction Control System ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี 
  • Vehicle Stability Control ระบบควบคุมการทรงตัว 
  • Anti-lock Brake System ระบบป้องกันล้อล็อก 
  • Electronic Brake-force Distribution ระบบกระจายแรงเบรก 
  • Brake Assist ระบบเสริมแรงเบรก 
  • ถุงลมเสริมความปลอดภัยระบบ SRS 7 ตำแหน่งทุกรุ่น 
  • โครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA พร้อมคานนิรภัย

สำหรับ All-New Corolla Altis จะเปิดตัวพร้อมกันอีกครั้งที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 62 เป็นต้นไป

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME

All New Chevrolet Captiva 2019 รถยนต์ราคาไม่ถึง 1 ล้านบาท

สิ้นสุดการรอคอย ! หลังอวดโฉมภายนอกให้ได้เห็นกันที่งาน Motor Show 2019 เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุด บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดตัว All New Captiva 2019 (เชฟโรเลต แคปติวา ใหม่ 2019) อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ณ Center Point Studio เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2562 Chevrolet Captiva 2019 ได้รับการปรับดีไซน์ใหม่และเปลี่ยนเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดคอมแพกต์ โดยในงานเปิดตัวได้ระบุไว้ว่าเป็นรถยนต์ที่อยู่ตรงกลางระหว่างกลุ่ม B-SUV กับ C-SUV วางจำหน่ายทั้งหมด 3 รุ่นย่อยด้วยกัน คือ รุ่น 5 ที่นั่ง (LS), รุ่น 7 ที่นั่ง (LT) และรุ่นสูงสุด Premier

 

สิ้นสุดการรอคอย ! หลังอวดโฉมภายนอกให้ได้เห็นกันที่งาน Motor Show 2019 เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุด บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดตัว All New Captiva 2019 (เชฟโรเลต แคปติวา ใหม่ 2019) อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ณ Center Point Studio เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2562

Chevrolet Captiva 2019 ได้รับการปรับดีไซน์ใหม่และเปลี่ยนเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดคอมแพกต์ โดยในงานเปิดตัวได้ระบุไว้ว่าเป็นรถยนต์ที่อยู่ตรงกลางระหว่างกลุ่ม B-SUV กับ C-SUV วางจำหน่ายทั้งหมด 3 รุ่นย่อยด้วยกัน คือ รุ่น 5 ที่นั่ง (LS), รุ่น 7 ที่นั่ง (LT) และรุ่นสูงสุด Premier บาคาร่า สูตรบาคาร่า

Chevrolet Captiva
 
 

เราเชื่อว่า All New Captiva เป็นรถที่เหมาะสำหรับทุกไลฟ์สไตล์ ใช้ได้ในทุกวัน ทุกโอกาส ทั้งในชีวิตประจำวัน วันธรรมดา วันเสาร์-อาทิตย์ และกับครอบครัว เติมเต็มความสำเร็จ รุ่นนี้น่าจะตอบโจทย์ทุกคน

Chevrolet Captiva 2019 ดีไซน์ภายนอก

Chevrolet Captiva 2019 ภายนอก กระจังหน้าและไฟหน้าโปรเจคเตอร์ได้รับการดีไซน์ใหม่ กันชนหน้าหลังพร้อมแผงกันกระแทกรอบคัน เสาอากาศครีบฉลาม ไฟเลี้ยวและไฟเบรคตรงสปอยเลอร์หลังแบบ LED ล้ออัลลอยและยางขนาด 17 นิ้ว ตัวรถมีทั้งหมด 5 สีด้วยกัน ได้แก่ สีเงิน ออโรร่า ซิลเวอร์, สีเงิน แดชลิ่ง ซิลเวอร์, สีดำ สตาร์รี่ แบล็ก, สีขาว แคนดี้ไวท์ และสีแดง คาร์เนเลียน

สำหรับรุ่น LT โคมไฟหน้าเป็น LED พร้อมไฟเลี้ยวในโคมเดียวกัน และกระจกมองข้างพับระบบไฟฟ้า ส่วนรุ่น Premier จะเป็นล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตแบบทูโทน และมีหลังคาคาพาโนรามิก ซันรูฟ กว้าง 0.82 ตารางเมตร พร้อมม่านบังแดดเปิดปิดอัตโนมัติ

Chevrolet Captiva

 

 
Chevrolet Captiva

 

 
Chevrolet Captiva
 

Chevrolet Captiva2019 ภายใน

Chevrolet Captiva2019 ดีไซน์ภายในห้องโดยสารดูกว้าง ตรงกลางแผงคอนโซลมีหน้าจอระบบสัมผัสขนาดใหญ่ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นมีสวิตซ์สำหรับสั่งการระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) และปุ่มปรับเครื่องเสียง ปุ่มรับวางสายโทรศัพท์ ด้านตัวเบาะหุ้มด้วยผ้ายีนส์ เพิ่มพื้นที่ตรงช่วงขาของเบาะนั่งแถวที่ 2 และเบาะนั่งแถวที่ 3 สามารถพับได้หลากหลายในอัตราส่วน 60:40 โดยทุกแถวจะมีที่วางแก้ว ช่องเก็บของไว้ให้ด้วย

Chevrolet Captiva

 

 
Chevrolet Captiva

 

 

ในส่วนรุ่น LT จะมีระบบสตาร์ทเครื่องยนต์อัจฉริยะ ระบบปรับอากาศแยกส่วนสำหรับผู้โดยสารแถวที่ 3 เบาะหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์สีชาโคล เบาะนั่งแถวที่ 3 สามารถพับได้ในอัตราส่วน 50:50 และช่องเสียบ USB 4 ตำแหน่งกับช่องจ่ายไฟตรงบริเวณคอนโซลกลาง โดยรุ่น Premier จะได้พวงมาลัยหุ้มหนัง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และเบาะที่นั่งคนขับปรับด้วยระบบไฟฟ้าแบบ 6 ทิศทาง เพิ่มเข้ามา

Chevrolet Captiva
 
Chevrolet Captiva

 

 
Chevrolet Captiva

 

 

Chevrolet Captiva2019 ระบบเครื่องเสียงและความสะดวก

บริเวณคอนโซลกลางของ All New Chevrolet Captiva2019 จะมีหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 10.4 นิ้ว ฟังก์ชั่นครอบคลุมทุกความต้องการ ทั้งวิทยุ ระบบปรับอากาศ ระบบตรวจวัด การปรับแต่งระบบของรถ การแจ้งเตือนแรงดันลมยาง พร้อมแสดงผลจากกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ผ่านบลูทูธ, USB, AUX และรองรับการเชื่อมต่อกับเครื่องมือสื่อสารและแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ผ่าน เชฟโลเรตลิ้งก์ (Chevrolet Link) แสดงผลจากสมาร์ตโฟนขึ้นบนจอได้เลย

Chevrolet Captiva
 

สำหรับรุ่น LT และ Premier จะดื่มด่ำความบันเทิงได้เต็มอารมณ์ด้วยระบบเครื่องเสียง Infinity by Harman ลำโพง 9 ตัวรอบคัน สามารถปรับเพื่อระบุตำแหน่งปล่อยเสียงภายในห้องโดยสารได้ หากต้องการให้ลำโพงหน้าด้านหน้า หรือด้านหลังดังกว่าปกติ

Chevrolet Captiva

 

 
Chevrolet Captiva

 

 

Chevrolet Captiva2019 เครื่องยนต์และขุมพลัง

All New Chevrolet Captiva2019 จะเป็นเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) ระบบวาล์วแปรผันคู่ (DVVT) ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ช่วง 2,400 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT 8 สปีด ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า และรองรับน้ำมัน E10

Chevrolet Captiva
 

Chevrolet Captiva2019 เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัย

  • โครงสร้างตัวถังและคานเหล็กนิรภัยกันกระแทกจากด้านข้าง
  • ถุงลมนิรภัย SRS สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า
  • ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารด้านหน้า 4 จุด (สำหรับรุ่น LT และ Premier)
  • ตำแหน่งยึดเบาะนั่งสำหรับเด็กได้มาตรฐานสากล ISOFIX สำหรับผู้โดยสารตอนที่ 2
  • กล้องมองภาพหลังพร้อมเส้นกะระยะช่วยเพิ่มความมั่นใจและความปลอดภัยในการขับขี่ในที่แคบ
  • กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 degree Camera 4 ตำแหน่งรอบคัน (เฉพาะรุ่น Premier เท่านั้น)
  • เซ็นเซอร์หน้า (เฉพาะรุ่น Premier) และเซ็นเซอร์หลังช่วยในการนำรถเข้าจอด (Front & Rear Park Assist)
  • ระบบตรวจวัดและแจ้งเตือนแรงดันลมยาง (TPMS)
  • ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
  • ระบบเสริมแรงเบรก (BA)
  • ระบบป้องกันการลื่นไถลและล้อหมุนฟรี (TCS)
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC)
  • ระบบช่วยการออกตัวขณะรถอยู่บนทางลาดชัน (HSA)
  • ระบบไฟกระพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกระทันหัน (ESS)
  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า (EPB)
  • ระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ (Auto Vehicle Hold)

Chevrolet Captiva2019 ราคาขายแต่ละรุ่น

  • Chevrolet Captiva2019 รุ่น LS ราคา 999,000 บาท (เพิ่ม 30,000 บาท สำหรับรุ่น 7 ที่นั่ง)
  • Chevrolet Captiva2019 รุ่น LT ราคา 1,099,000 บาท
  • Chevrolet Captiva2019 รุ่น Premier ราคา 1,199,000 บาท

ทั้งนี้ All New Chevrolet Captiva2019 ทุกรุ่นจะเริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 ตุลาคม 2562 ที่ผู้จำหน่ายรถยนต์เชฟโรเลตทั่วประเทศ

Chevrolet Captiva
 

สำหรับ All New Chevrolet Captiva2019 ถือเป็นรถยนตร์อเนกประสงค์ที่มีกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้งานกลุ่มเดียวกับ Honda HR-VToyota C-HR  และ Mazda CX-3 ซึ่งราคาแตกต่างกันไม่มากนัก ดังนั้นคงต้องขึ้นอยู่กับกลุ่มลูกค้าแล้วว่า เทคโนโลยีของรถรุ่นไหนตอบโจทย์และเข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเองที่สุด

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME

All-New Mazda 3 2019 รถยนต์เจนใหม่ รูปลักษณ์สปอร์ตโฉบเฉี่ยวเหมือนเดิม

All-New Mazda 3 2019 เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันพุธที่ 18 กันยายน 2562 โดย มาสด้า ระบุว่านี่คือรถยนต์เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมแนวคิด “A New Era Begins” หรือบอกได้ว่า มาสด้า3 2019 คือรถยนต์ที่ถูกพัฒนาเพิ่มขึ้นใหม่ในทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดการออกแบบรูปโฉมภายนอก แพลตฟอร์มเจเนอเรชั่นใหม่ SKYACTIV-VEHICLE ARCHITECTURE รวมถึง SKYACTIV-G ขนาด 2.0 ลิตร ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นจากตัวเดิม และเทคโนโลยีความปลอดภัย i-ACTIVSENSE ของ มาสด้า บาคาร่า สูตรบาคาร่า

สำหรับ All-New Mazda 3 2019 ยังคงมาด้วยรูปลักษณ์สปอร์ตโฉบเฉี่ยวเหมือนเดิม ภายใต้การออกแบบ KODO design ที่ถูกพัฒนาขึ้นไปโดยยึดหลัก “Less is More” กับแพลตฟอร์มเจเนอเรชั่นใหม่ SKYACTIV-VEHICLE ARCHITECTURE มีการนำเอาท่วงท่าการเดินตามธรรมชาติของมนุษย์มาเป็นต้นแบบในการพัฒนา และนอกจากนี้ มาสด้า ยังบอกด้วยว่าการออกแบบยังเน้นถึงความโดดเด่นสะดุดตาด้วยแสงและเงาจากธรรมชาติที่ตกกระทบบนตัวรถด้วย

MAZDA3
 

อุปกรณ์ภายนอกของ All-New Mazda3 2019 ติดตั้งไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED และไฟท้าย LED ระบบไฟหน้าเปิด-ปิดและปรับสูง-ต่ำอัตโนมัติ, กระจกมองข้างปรับไฟฟ้าและพับอัตโนมัติ พร้อมด้วยระบบปรับมุมต่ำอัตโนมัติเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว และ 18 นิ้ว

MAZDA3

 
MAZDA3

 
MAZDA3

 
MAZDA3

 

ALL-NEW MAZDA3 2019 เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง

All-New Mazda 3 2019 ติดตั้งเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน SKYACTIV-G ขนาด 2.0 ลิตร ที่ถูกพัฒนาสมรรถนะให้แรงขึ้น และประหยัดน้ำมัน ด้วยเทคโนโลยีที่ฉีดเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง หัวฉีดดีไซน์ใหม่ ส่งผลให้มีอัตราส่วนกำลังอัดสูง แรงบิดเพิ่มขึ้น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อัตราส่วนกำลังอัด 13.0:1 ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ประหยัดน้ำมันสูงสุด 15.9 กิโลเมตรต่อลิตร

MAZDA3
 

ส่วนระบบช่วงล่างของ All-New Mazda3 ติดตั้งระบบ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ที่ช่วยปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ตามการหักเลี้ยวพวงมาลัยของผู้ขับขี่ควบคู่ไปกับการเบรกที่เหมาะสม พร้อมกับระบบ i-STOP ช่วยประหยัดน้ำมัน

MAZDA3
 

ALL-NEW MAZDA3 2019 การออกแบบภายใน

ภายในห้องโดยสารของ All-New Mazda3 ยังเน้นความหรูหราด้วยวัสดุเกรดพรีเมียมคุณภาพสูง และแน่นนอนว่าออกแบบและพัฒนาใหม่โดยยึดหลักมนุษย์เป็นศูนย์กลางในการจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์ต่าง ๆ เบาะดีไซน์ใหม่ที่โอบกระชับสรีระช่วยลดความเมื่อยล้าจากการขับขี่ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ได้ 2 ตำแหน่ง 

MAZDA3
 

ส่วนแผงหน้าปัดและมาตรวัดเป็นแบบดิจิตอล TFT LCD มีหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสี ระบบการเชื่อมต่อ Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay แสดงข้อมูลผ่านหน้าจอ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว และระบบเสียงรอบทิศทางจาก Bose พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่งในรุ่นท็อป

MAZDA3
 

ALL-NEW MAZDA3 2019 เทคโนโลยีความปลอดภัย

All-New Mazda3 มาพร้อมกับระบบเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย  i-ACTIVSENSE ที่เน้นการป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุประกอบด้วย

  • ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS (Cruising & Traffic Support) ที่สามารถควบคุมความเร็วของรถ ช่วยลดความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ 
  • ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติแบบ Advance หรือ Advanced SBS (Advanced Smart Brake Support) ที่สามารถตรวจจับรถคันหน้า จักรยาน รวมถึงคนเดินถนน 
  • ระบบช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC (Smart Brake Support-Reverse Crossing)
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
  • ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R (Smart Brake Support-Reverse) ที่สามารถตรวจจับวัตถุในวงกว้างและสูงขึ้น ด้วยจำนวนเซ็นเซอร์ที่มากขึ้น 
  • ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps) ที่ได้รับการพัฒนาให้ลำแสงละเอียดยิ่งขึ้น 
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)
  • ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง (360° View Monitor)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane Keep Assist System)
  • ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)
  • ระบบเตือนเมื่อเกิดความอ่อนล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control)
  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมบริเวณหัวเข่าด้านคนขับ รวม 7 ตำแหน่ง

ALL-NEW MAZDA3 2019 ราคาจำหน่ายแต่ละรุ่น

All-New Mazda3 วางราคาจำหน่าย ทั้งรุ่นฟาสท์แบค 5 ประตู หรือ แฮทช์แบ็ก และซีดาน 4 ประตู จำหน่ายในราคาเดียวกัน

  • ALL-NEW MAZDA3 รุ่น 2.0 C        ราคา  969,000  บาท
  • ALL-NEW MAZDA3 รุ่น 2.0 S         ราคา  1,069,000 บาท
  • ALL-NEW MAZDA3 รุ่น 2.0 SP       ราคา  1,198,000 บาท
MAZDA3
 

มีให้เลือก 7 สี ประกอบด้วย

  • สีแดง โซล เรด คริสตัล (Soul Red Crystal)
  • สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray) 
  • สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snowflake White Pearl)
  • สีเงิน โซนิค ซิลเวอร์ (Sonic Silver)
  • สีน้ำตาล ไททาเนียม แฟลช (Titanium Flash)
  • สีดำ เจ็ท แบล็ก (Jet Black)
  • สีเทาใหม่ โพลีเมทัล เกรย์ (Polymetal Gray) เฉพาะรุ่นฟาสท์แบค 5 ประตู (และจำหน่ายผ่านระบบออนไลน์เท่านั้น)
MAZDA3
 

แน่นอนว่าการเปิดตัวของ All-New Mazda3 2019 ครั้งนี้จะทำให้ตลาดรถยนต์ในกลุ่ม C-Segment เพิ่มความร้อนแรงคึกคักอย่างยิ่ง เพราะก่อนหน้านี้แค่สองสัปดาห์ ทางฝั่งโตโยต้าก็เพิ่งจะเปิดตัว All-new Toyota Corolla Altis 2019 มาหมาด ๆ และรถยนต์ในกลุ่มเดียวกันของค่าย ฮอนด้า อย่าง Honda Civic 2019 ก็ยังเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์นั่งในกลุ่มนี้

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME