เลือก หมวกกันน็อค แต่ละแบบ แบบไหนดี

เลือกหมวกกันน็อคแบบไหนดี? นับเป็นคำถาม ที่หาคำตอบได้ไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย วันนี้เรามีหลักการง่ายๆ มาฝาก เพื่อให้ทุกคนสามารถเลือก หมวกกันน็อค ที่เหมาะสมกับตัวเองได้กันครับ

1. รูปแบบของหมวกกันน็อค
หมวกกันน็อค
ภาพจาก store.indianmotorcycle.com
เริ่มจากรูปแบบของ หมวกกันน็อค ที่มีทั้งแบบครึ่งใบที่สายฮาเลย์มักใส่กัน ด้วยความที่รูปแบบดูเท่ ครอบแค่ด้านบนของศีรษะ แต่ที่น่ากังวลคือ ความปลอดภัย ที่มีไม่มากนัก เมื่อประสบอุบัติเหตุ สามารถหลุดออกจากศีรษะได้ง่าย เนื่องจากยึดกับศีรษะด้วยสายรัดคางเพียงอย่างเดียว และยังอาจส่งผล ให้เกิดการกระแทกรอบๆ ศีรษะได้เมื่อประสบอุบัติเหตุศีรษะกระแทกพื้น  บาคาร่า สูตรบาคาร่า

ภาพจาก www.customburner.com
ต่อไปเป็นหมวกกันน็อคแบบเปิดหน้าที่ใส่ง่าย สะดวก เพราะแค่สวมแล้วใส่รัดคาง ก็ออกไปโลดแล่นบนท้องถนนได้เลย หมวกแบบนี้ เหมาะกับการเดินทางใกล้ๆ ในเมือง ใช้ความเร็วไม่มาก เนื่องจากไม่สามารถป้องกันใบหน้าได้ เมื่อมีอุบัติเหตุแล้วใบหน้าอาจได้รับบาดเจ็บจากการกระแทกได้ 
 
ส่วนหมวกกันน็อคแบบเต็มใบ จะปกป้องส่วนหน้าของศีรษะได้เต็มที่ จากการที่มีส่วนยื่นมาปกปิดคางและมีบังลมหรือชิล ช่วยกันลมหรือแม้กระทั่งกรวด หิน ขนาดเล็ก ที่อาจปลิวมาปะทะ หมวกเต็มใบ มีหลากหลายดีไซน์ ที่เหมาะกับการขับขี่มอเตอร์ไซค์หลากหลายประเภท ทั้งแบบคลาสสิก สปอร์ต ทัวริ่ง หรือวิบาก แม้กระทั่งโมตาร์ต ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในบ้านเรา

ภาพจาก www.cyclegear.com
 
หมวกแบบโมดูลาร์ หรือแบบที่ยกส่วนปกปิดใบหน้าได้ หมวกแบบนี้ เหมาะกับคนขี้ร้อนที่อยากจะเปิดรับลมเวลารถติดๆ หรือเพื่อการพูดคุยกับบุคคลอื่น โดยไม่ต้องถอดหมวกออกจากศีรษะ หมวกแบบนี้มักมีน้ำหนักค่อนข้างมาก เนื่องจากมีชิ้นส่วนที่แข็งแรง จากการที่ต้องเคลื่อนที่เมื่อผู้ใช้ต้องการยกขึ้นลง มักผลิตจำหน่ายโดยผู้ผลิตที่มีความเชี่ยวชาญ และราคาค่อนข้างสูง
นอกจากนี้ ยังมีหมวกที่มีลูกเล่นต่างๆ ในรายละเอียดของการออกแบบ และการผลิตเพื่อตอบสนองต่อความต้องการในแต่ละบุคคล เช่น การมีแว่นตากรองแสงอยู่ภายใน ที่สามารถยกขึ้นเก็บภายในตัวหมวกและดึงลงมาใช้เมื่อมีแสงแดด การมีช่องระบายอากาศทั้งที่ตรงจมูก ส่วนหน้าผาก แก้ม และหลังศรีษะ เพื่อให้ลมสามารถผ่านเข้าออก เพื่อลดความร้อนขณะขับขี่ได้

ภาพจาก www.saferacer.com
สำหรับวัสดุ ที่ใช้ผลิตมีหลากหลาย แตกต่างกันไป ทั้งเป็นพลาสติกธรรมดาๆ ที่แตกหักง่าย พลาสติก ABS ที่มีความยืดหยุ่นสูง น้ำหนักเบา ไฟเปอร์กลาสล้วนๆ และที่มีส่วนผสมอื่นที่ให้น้ำหนักเบา แต่ทนทานจากเส้นใย ที่มีความเหนียวทนทาน ต่อการกระแทกและครูดไปกับพื้นถนน จนมาถึงหมวกที่ผลิตจากวัสดุ ที่มีราคาสูงแต่น้ำหนักเบา ทนทานอย่างคาร์บอนไฟเบอร์ ที่มีการนำมาใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน 

ภาพจาก www.saferacer.com
ส่วนวัสดุ ที่ใช้ภายในสำหรับลดแรงกระแทก และวัสดุต่างๆ ที่นำมาตกแต่งเพื่อความสวยงามและสะดวกสบายในการสวมใส่ ก็มีทั้งผ้าธรรมดาๆ สักหลาด จนถึงหนังเทียมและหนังแท้จากวัว แกะ หรือม้า ตามแต่ผู้ผลิตนั้นๆ 
นี่เป็นเพียง เรื่องของรูปแบบของหมวก ที่เหมาะสมกับการใช้งาน ในแต่ละประเภท และวัสดุที่นำมาใช้ในการผลิตเท่านั้น ถัดไปเราไปคุยกันเรื่องความปลอดภัย ที่จะทำให้คุณอุ่นใจได้ในทุกการขับขี่
2. ความปลอดภัย
มาถึงเรื่องความปลอดภัยกันบ้าง เริ่มที่หลักการง่ายๆ ก่อน คือ ดูจากลักษณะภายนอกว่าดูแข็งแรงทนทานหรือไม่ มีระดับความหนานุ่มของวัสดุภายในอย่างไร และสายรัดคางเป็นแบบไหน ซึ่งเรามักเห็นกันใน 2 ลักษณะ ได้แก่ แบบ D-ring ที่แข็งแรงและนิยมใช้กับหมวกที่มีคุณภาพ กับแบบเดือยล็อคที่ใช้ในผู้ผลิตหมวกที่ราคาไม่สูงมาก
หมวกกันน็อค
จากนั้นก็มาดูกันที่แบรนด์ผู้ผลิตว่ามีชื่อเสียง ได้รับความนิยมจากผู้ใช้แค่ไหน แบรนด์ระดับสูงที่นิยมกันมักผลิตจากประเทศญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ซึ่มมาพร้อมกับระดับราคาที่สูงตาม รองลงมาก็เป็นของไต้หวัน จีน และผลิตในไทยเป็นส่วนมากที่มักพบเห็นได้ตามร้านขายอะไหล่ ร้านเครื่องประดับตกแต่งตามแหล่งชุมชนทั่วไป
หมวกกันน็อค
สุดท้ายที่สำคัญคือดูที่มาตรฐานที่หมวกใบนั้นๆ ได้รับการรับรองจากสถาบันไหน โดยมาตรฐานที่มักพบเห็นกันคือ 
  • DOT (U.S. Department of Transportation) เป็นมาตรฐานขั้นต่ำของสหรัฐอเมริกา เปรียบได้กับมาตรฐาน มอก. ของบ้านเรา ที่ใช้กับหมวกทั่วๆ ไป แต่การทดสอบจะไม่ได้ทดสอบส่วนที่ปิดคางของหมวกประเภทเต็มใบ และหมวกที่ไม่ได้มาตรฐานนี้จะไม่สามารถจำหน่ายในฐานะ หมวกสำหรับการขับขี่จักรยานยนต์ในสหรัฐอเมริกาได้ 
  • Snell มาตรฐานที่รับรองโดยสถาบัน Snell Memorial Foundation ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการทดสอบโดยความสมัครใจของผู้ผลิต เป็นการรับรองที่เข้มงวดกว่า DOT โดยเฉพาะด้านการดูดซับแรง G ที่มีต่อศีรษะของผู้สวมใส่ จึงได้รับความนิยมในหมู่ผู้ต้องการหมวกสำหรับมอเตอร์สปอร์ตต่างๆ
  • ECE 22.05 มาตรฐานการรับรองของสหภาพยุโรปที่เป็นที่นิยมในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ข้อดีคือการทดสอบหมวกในทุกรอบของการผลิต จึงมั่นใจได้ในความแข็งแรงและการปกป้อง ไม่ว่าจะซื้อหมวกรุ่นนั้นๆ ในช่วงเวลาไหนก็ตาม
ยังมีมาตรฐานอื่นๆ ที่ใช้ในประเทศต่างๆ เช่น JIS ของประเทศญี่ปุ่น KS G 7001 ของประเทศเกาหลี CNS ของไต้หวัน และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งผู้ซื้อควรศึกษาถึงคุณสมบัติการปกป้องศีรษะให้ดีก่อน เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองครับ
 

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : checkraka

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME

เทียบสเปค คลาส 300cc รุ่นยอดนิยม CB300F & Z300 & MT-03

วันนี้จะมา เทียบสเปค ให้ดู หลายคนคงเริ่มสับสนว่าหากจะซื้อมอเตอร์ไซค์หรือบิ๊กไบค์สักคันจะเลือกรุ่นไหนดี ซีซีเท่าไหร่ และราคาคุ้มแค่ไหน ต้องบอกก่อนว่าหากเป็นผู้ที่เริ่มต้นขยับซีซีจากรถขนาดเล็ก, รถสกู๊ตเตอร์ หรือรถระดับ 125-150 ซีซี มาเป็นรถขนาดใหญ่ขึ้น นอกจากจะต้องไปเรียนไปฝึกการขับขี่ที่ถูกต้องและปลอดภัยแล้ว ก็ต้องเลือกว่าคันไหน รุ่นใดที่ถูกใจ ทั้งการขับขี่ สมรรถนะ ท่านั่งที่เหมาะกับผู้ขับและราคาที่จ่ายได้ไม่แพงเกินตัว 

นักบิดมือใหม่ เริ่มต้นขับขี่มอเตอร์ไซค์โดยทั่วไปคงมองรถระดับ 300 ซีซี ขึ้นไป แต่อาจไม่เกิน 500 ซีซี เพราะขับขี่ง่ายสะดวก เหมาะกับผู้เริ่มต้นและผู้ขับใช้งานบ่อยๆ ในทุกๆ วัน ด้วยความเล็กเบาคลองตัวและการดูแลรักษาที่ต่ำ ไม่แบกภาระเยอะรถมอเตอร์ไซค์พิกัด 300 ซีซี จึงเหมาะสมมากที่สุด 
สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ยอดนิยมขนาด 300 ซีซี ที่นำมา เทียบสเปค ที่มีจำหน่ายในประเทศไทยมีรุ่นเด่นๆ น่าขี่มากมาย เช่น Honda CB300F, Kawasaki Z300 และ Yamaha MT-03 แล้วจะเลือกคันไหนดี มาเทียบสเปคกันชัดๆ ไปเลย บาคาร่า สูตรบาคาร่า

Honda CB300F ABS

Honda CB300F เน็กเก็ตไบค์ขนาดกลางราคา 126,000 บาท ประกอบในประเทศไทย รูปทรงเรียบง่ายไม่หวือหวานัก ตัวรถมีความแคบคล่องตัวขนาดไม่แตกต่างจากรุ่น CBR 150 – 250 ซีซีมากนัก จุดเด่นหลักคือ เรือนไมล์แบบดิจิทัล มีมิติตัวรถ กว้าง 756 มม. ยาว 2,033 มม. สูง 1,047 มม. ระยะฐานล้อ 1,378 มม. ระยะห่างพื้นถึงใต้ท้อง 156 มม. ความสูงเบาะ 780 มม. 
เครื่องยนต์ 1 สูบ 4 จังหวะ DOHC 286 ซีซี จ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีด เกียร์ 6 จังหวะ ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง 13 ลิตร รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอลสูงสุด E20 
โช้กหน้าเทเลสโคปิก 37 มม. โช้กหลังเดี่ยวปรับได้ 5 ระดับ ดิสก์เบรกหน้า 2 ลูกสูบ ดิสก์เบรกหลัง 1 สูบ พร้อม ABS ล้อแม็ก ยางหน้า 110/70-17 M/C 54P แบบ Tubeless ยางหลัง 140/70-17 M/C 66P แบบจุ๊บเลส น้ำหนักรวม 161 กก.
ข้อเด่น – ฮอนด้าเป็นรถยอดนิยมจากคุณภาพของการประกอบที่นับว่าดี เมื่อเทียบกับรถอื่นๆ อาจมีบางจุดที่ใช้วัสดุพื้นฐานดูง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ขับขี่ง่ายคล่องตัว สมรรถนะพอดิบพอดี เครื่องยนต์อัตราเร่งดีช่วงต้นถึงกลาง ส่วนปลายแผ่วตามความจุซีซีระดับนี้ แต่ให้ความประหยัดเกินตัว ด้านบริการหลังการขายได้เปรียบกว่าค่ายอื่นๆ พอตัว ศูนย์บริการมากมายทั่วประเทศ และการบำรุงรักษาต่ำ ได้ทั้งความประหยัด ขับขี่คล่องตัว ดูแลรักษาง่ายและศูนย์บริการเพียบ
ข้อด้อย – รูปทรงอาจไม่สวยโดดเด่นมากนัก ตัวรถดูไม่ใหญ่จนเรียกว่าใกล้เคียงรถระดับ 150 – 250 ซีซี เครื่องยนต์สูบเดียว มีบางครั้งสั่นและที่รอบต่ำมากๆ ในเกียร์สูงอาจมีอาการกระตุกบ้าง 

Kawasaki Z300 ABS

Kawasaki Z300 ABS เน็กเก็ตไบค์รุ่นยอดนิยมราคาเริ่มต้น 172,000 บาท รุ่นนี้ก็ประกอบในประเทศไทยเช่นกัน มาพร้อมไฟหน้าที่แตกต่างจากคู่แข่งแบบ 2 โคม แฟริ่งที่ที่ดุดัน ภายนอกดูคันใหญ่แต่กลับมีความกว้างน้อยกว่า CB300F มีมิติตัวรถ กว้าง 750 มม. ยาว 2,015 มม. สูง 1,025 มม. ระยะฐานล้อ 1,405 มม. ระยะห่างพื้นถึงใต้ท้อง 145 มม. ความสูงเบาะ 785 มม.
เครื่องยนต์ 2 สูบ 4 จังหวะ DOHC 296 ซีซี จ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีด ลิ้นเร่ง 2 ชุด ขนาด 32 มม. และ 42 มม. เกียร์ 6 จังหวะ ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง 17 ลิตร รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอลสูงสุด E10 พร้อมด้วยระบบ Evaporative Emission Control System มาเพื่อช่วยควบคุมไอเสียให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลด้วย 
โช้กหน้าเทเลสโคปิก 37 มม. โช้กหลังเดี่ยว Uni-trak ปรับได้ 5 ระดับ ดิสก์เบรกหน้าขนาด 290 มม. 2 ลูกสูบ ดิสก์เบรกหลังขนาด 220 มม. 1 สูบ พร้อม ABS ล้อแม็ก ยางหน้า 110/70ZR17M/C (54S) ยางหลัง 140/70ZR17M/C (66S) น้ำหนักรวม 170 กก.
ข้อเด่น – รูปทรงสวยงามถูกใจวัยรุ่น ดุดันและดูคล้ายรถไซต์ใหญ่ ไฟหน้าแบบ 2 โคมเหนือกว่าคู่แข่งระดับเดียวกัน แต่กลับมีความกว้างน้อยกว่ารถในกลุ่มนี้ ทำให้คล่องตัว เสียงเครื่องยนต์ที่เร้าใจแบบ 2 สูบ และให้อัตราเร่งช่วงกลางถึงปลายไหลลื่นกว่า และไม่สั่นสะท้านมากนักที่ความเร็วสูงๆ   
ข้อด้อย – กินจุกว่าเจ้าอื่นในระดับเดียวกันเล็กน้อย การบำรุงรักษาสูงกว่า ศูนย์บริการมีจำนวนไม่มากนักเมื่อเทียบกับเจ้าตลาด แต่ก็มีเพียงพอในระดับหนึ่ง

Yamaha MT-03 ABS

Yamaha MT-03 เน็กเก็ตไบค์อีกรุ่นที่โดดเด่นในเรื่องความจุที่มากกว่ารถระดับเดียวกันเล็กน้อย ขนาดตัวผอมบางกว่าใคร ไฟหน้าแบบโคมเดี่ยวคล้ายกับ CB300F น้ำหนักน้อยกว่า Z300 ABS เล็กน้อยแต่ตัวยาวกว่าใคร ราคา 177,000 บาท ประกอบในประเทศไทยเช่นกัน มีมิติตัวรถ กว้าง 745 มม. ยาว 2,090 มม. สูง 1,035 มม. ระยะฐานล้อ 1,380 มม. ระยะห่างพื้นถึงใต้ท้อง 160 มม. ความสูงเบาะ 780 มม.
เครื่องยนต์ 2 สูบ 4 จังหวะ DOHC 321 ซีซี จ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีด เกียร์ 6 จังหวะ ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง 14 ลิตร รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอลสูงสุด E20
โช้กหน้าเทเลสโคปิค โช้กหลังเดี่ยวสวิงอาร์ม ดิสก์เบรกหน้า 2 ลูกสูบ ดิสก์เบรกหลัง 1 สูบ พร้อม ABS ล้อแม็ก ยางหน้า 110/70-17M/C (54S) ยางหลัง 140/70-17M/C (66S) น้ำหนักรวม 169 กก.
ข้อเด่น – เครื่องยนต์ที่มีความจุสูงกว่าใครในรถระดับนี้เมื่อเทียบกับราคาแล้วคุ้มค่า และให้พละกำลังที่ดี ตอบสนองอัตราเร่งรวดเร็วทันใจ พลังจากเครื่องยนต์ 2 สูบ 321 ซีซี ในส่วนโครงสร้างตัวรถและส่วนประกอบต่างๆ นับว่าใกล้เคียงคู่แข่ง
ข้อด้อย – รูปทรงดูเรียบๆ ไม่หวือหวาเท่าไหร่นัก อาจไม่โดดเด่นเท่ากับตระกูล Z ด้านราคาเทียบกับคู่แข่งแล้วสูงกว่า แต่หากพิจารณาในเรื่องขนาดเครื่องยนต์ที่เกิน 300 ซีซีก็นับว่าพอรับได้
เลือกคันที่ใช่
มอเตอร์ไซค์ทั้ง 3 รุ่นนี้ นับเป็นที่นิยมในไทยมาก โดยแต่ละรุ่นย่อมมีข้อดีที่แตกต่างกันไป เรียกว่ามีจุดเด่นคนละด้าน ขึ้นกับผู้ซื้อว่าชื่นชอบจุดเด่นในด้านใด และรับข้อด้อยของรุ่นใดได้มากที่สุด
นอกจากจะเลือกดูที่ เทียบสเปค สมรรถนะแล้ว ยังต้องดูเรื่องบริการหลังการขาย ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาตลอดการใช้งาน ความชอบส่วนตัว ความสะดวกในเวลาต้องเข้ารับบริการ และที่สำคัญต้องลองขับขี่ก่อนตัดสินใจ เพราะรถแต่ละรุ่นจะมีท่านั่งและระดับเบาะต่างๆ ที่ไม่เหมือนกัน และผู้ขับขี่แต่ละคนก็มีความสูง ขนาดลำตัวไม่เท่ากัน ดังนั้น การทดลองขับขี่มักจะเป็นคำตอบสุดท้าย และท้ายสุดก่อนจะตัดสินใจเลือกซื้อมอเตอร์ไซค์นั่นเอง อย่าลืมนะครับ “ลองให้ครบก่อนตัดสินใจซื้อ เชื่อในความรู้สึกคุณเองไม่ต้องตามใคร!”

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME

Harley-Davidson ในตลาดประเทศไทย จริงจังแค่ไหน

Harley-Davidson รถมอเตอร์ไซค์สไตล์ชอปเปอร์ ที่มีหลากหลายแนว และมีรุ่นให้เลือกหลาย 100 รุ่นย่อย! ราวกับรถกระบะ!  แต่ด้วยสมัยก่อนนั้นยังไม่มีใครทำตลาดมอเตอร์ไซค์ฮาร์ลีย์ เดวิดสัน ในไทยอย่างจริงจัง แม้จะมีผู้ชื่นชอบและแฟนๆ ที่ใช้อยู่อย่างเหนียวแน่น อาจทำให้ลูกค้ารู้สึกกังวล แต่เมื่อไม่นานมานี้ก็มีข่าวดีจากฮาร์ลีย์ เดวิดสัน ต้นสังกัดว่าจะลุยทำตลาดในประเทศไทยเต็มรูปแบบ แต่ว่าจะจริงจังแค่ไหน! แค่ไหนเรียกจริงจังนั้น เราไปหาคำตอบกันเลย

Harley-Davidson จริงจังแค่ไหนกับการทำตลาดในประเทศไทย

ความจริงจังดูได้จากการที่ คุณมาร์คมารับตำแหน่ง Country Manager ซึ่งเป็นคนแรกที่มาบริหาร Harley-Davidson Thailand ที่นับว่าเป็นบริษัทแม่
หลังจากที่ปล่อยให้ทั้งดีลเลอร์ทั้งที่แต่งตั้งและตลาดเกรย์ ช่วยขายมาเนิ่นนานนับสิบปี รวมทั้งยังมีการรับทีมงานอื่นๆ มาเพื่อเตรียมความพร้อม
นอกเหนือไปจากการตั้งโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์ฮาร์ลีย์ เดวิดสันในจังหวัดระยอง ที่เพิ่งวางศิลาฤกษ์ไปเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา และการมีดีลเลอร์ที่พร้อมจำหน่ายและให้บริการถึง 9 แห่ง ทั้งในกรุงเทพและหัวเมืองใหญ่ พร้อมกันนี้สถานที่ๆ
ทางทีมงานได้พูดคุยกับคุณมาร์ค นั่นคือ Harley-Davidson University บนถนนพระราม 3 ยังบ่งบอกให้เห็นถึงการวางกลยุทธ์ในการสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้าในระยะยาวต่อไป
Harley-Davidson
เหตุผลหลักที่ Harley หันมาเอาจริงเอาจังกับการทำตลาดนอกสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะประเทศไทยก็ด้วยอายุที่มากขึ้นของชาวอเมริกันผู้รักในแบรนด์ฮาร์ลีย์คนใหม่ๆ ที่เข้ามามีจำนวนน้อยลง ทำให้ทางบริษัทแม่เล็งเห็นถึงการเพิ่มจำนวนผู้ใช้ในต่างประเทศให้มีสัดส่วนเท่าๆ กับในสหรัฐภายในช่วง 10 ปีข้างหน้า จากจำนวนยอดขายทั้งหมดทั่วโลก บาคาร่า สูตรบาคาร่า
Harley-Davidson
นอกจากนั้น ก็มีการปรับกลยุทธ์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของคนที่ใช้รถในเมืองมากขึ้น ไม่ใช่เพื่อการขับขี่บนไฮเวย์ระยะไกลเหมือนเมื่อก่อน และการกำหนด segmentation ของลูกค้าเพื่อสร้างรถหลากหลายรุ่นที่ตรงต่อความต้องการและภาพลักษณ์ของคนแต่ละกลุ่ม จึงมีการวางแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์กว่า 100 รุ่นในอนาคตอันใกล้ (หมายถึง100 รุ่นย่อยนะครับ)
Harley-Davidson

มั่นใจได้เมื่อซื้อ Harley-Davidson ทุกคัน

Harley วางแผนที่จะทำตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยไม่ใช่ด้วยจำนวนรถที่พร้อมจะขายให้มาก แต่กลับเป็นบริการหลังการขาย การซ่อมแซม บำรุงรักษา ที่จะทำให้เจ้าของฮาร์ลีย์ทุกคนอุ่นใจ มั่นไจได้ว่า หลังจากซื้อฮาร์ลีย์ไปแล้วจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุด ทั้งนี้การให้บริการของศูนย์บริการที่ได้รับการแต่งตั้ง จะไม่จำกัดเพียงแต่รถที่ซื้อจากดีลเลอร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึง ฮาร์ลีย์ทุกคัน เพราะ ทุกคันคือฮาร์ลีย์!
Harley-Davidson University คือสถาบันที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทย บนถนนพระราม 3 เพื่อฝึกอบรมช่างเทคนิคจากทั้งทวีปเอเซีย
ที่จะต้องรับผิดชอบดูแลรถจักรยานยนต์ที่เปรียบเสมือนลูก เสมือนของรักของหวงของทุกคนให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อยู่เสมอ ให้ผู้เข้ารับการอบรมได้รับความรู้ในด้านต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นด้าน Electronic ด้านการประกอบเครื่องยนต์ การดุแลทุกชิ้นส่วนของรถ แม้กระทั่งการจูนกล่องสมองกลของรถแต่ละคัน เพื่อให้ได้ Performance สูงสุด
การเรียนมีหลายคอร์ส หลายระดับ จนแทบนับไม่ถูก นอกจากความรู้ที่ถูกถ่ายทอดผ่าน Instructor หรือครูผู้สอน ที่ส่งตรงมาจากสำนักงานใหญ่ที่สหรัฐอเมริกาแล้ว เครื่องไม้เครื่องมือยังพร้อมพรักสำหรับการเป็นต้นแบบในการให้บริการแก่ทุกศูนย์ ด้วยช่อง Service ถึง 8 ช่อง มีชุดยกหรือ Hoist และท่อดูดควันไอเสียในทุกช่อง
รวมถึงอุปกรณ์ชั้นยอดแบรนด์ที่มืออาชีพเลือกใช้อย่าง Snap-On ที่มากไปกว่านั้นคือ มีเครื่องมือถึง 2 ชุดด้วยกันสำหรับรถที่มาจากโรงงานที่แตกต่างกัน เพราะรถที่มาจากสหรัฐอเมริกา จำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่มีหน่วยในระบบ Imperial วัดเป็นฟุตเป็นนิ้ว ขณะที่รถบางรุ่นที่ผลิตจากโรงงานในบางประเทศต้องใช้เครื่องมือที่อ้างอิงตามหน่วย Metric
อีกอย่างที่น่าสนใจคือ ที่ซ่อมรถฮาร์ลีย์ต้องติดแอร์ เหตุผลหลักๆ ก็คือ เป็นความใส่ใจที่ต้องดูแลทั้งคนทั้งรถให้อยู่ในบรรยากาศที่ดีที่สุด
Harley-Davidson
เรื่องอื่นๆ ก็สำคัญไม่แพ้เครื่องไม้เครื่องมือที่ต้องมี เช่น การมีรถที่ใช้ในการเรียนการฝึกฝนที่ครบครัน
จากที่สังเกตเห็น ก็น่าจะมีแทบทุกรุ่น ทุกตระกูล ให้ช่างผู้รับการอบรมทุกคนได้เรียนรู้และสัมผัส ทางทีมงานแอบสงสัยและถามคุณมาร์ค บอสใหญ่ ฮาน์เลย์ ว่ารถพวกนี้ใช้เรียนแล้วเอาไปทำอะไร คุณมาร์คบอกว่า เอาไปทำลายทิ้งตามกฏของบริษัท?!!!!!
 

ระยะเวลาที่จะเปิดตัวรุ่นใหม่ของปี 2018 ที่เพิ่งเปิดตัวในสหรัฐอเมริกา

เมื่อสอบถามว่าจะเริ่มจำหน่ายรุ่นใหม่ของปี 2018 ให้ลูกค้าที่ตั้งตารอเมื่อไหร่ คุณมาร์คฝากบอกว่า “กำเงินไว้” ความหมายของคำนี้ขึ้นกับแต่ละคน สำหรับผู้ที่ได้ยิน ได้เห็น และติดตามข่าวสารจากเมืองนอกเมืองนาคงรู้ว่าฮาร์ลีย์เปิดตัวรถใหม่โดยเฉพาะในตระกูล Softail ไปทั้งหมด 8 รุ่น ทั้ง 8 รุ่นประกอบด้วยรุ่นที่เคยเป็นทั้ง Dyna เดิม และ Softail ถ้าจะให้บอกชื่อก็มีทั้ง Fat Boy, Fat Bob, Street Bob, Low Rider และอื่นๆ ที่แชร์เครื่องยนต์ใหม่ตระกูล Milwalkee 8 ร่วมกัน โดยมีความจุเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ 107 และ 114 ลูกบาศก์นิ้ว ถ้าคุณตั้งตารอที่จะซื้อรถเหล่านี้ กลับไปอ่านคำตอบของคุณมาร์คที่บอกว่า “กำเงินไว้”
ถ้าคุณเป็นคนอีกประเภทที่รู้แล้วล่ะว่าจะมีรุ่นใหม่ๆ ออกมา แต่รักที่จะหารุ่นเก่าหรือรุ่นที่ยังมีตามโชว์รูมมาเก็บ มาขี่ หรือกลัวจะหาไม่ได้ในอนาคต และชอบในความดิบเถื่อน ผมให้คำตอบแทนคุณมาร์คแบบนี้ครับ “จัดเลย”

Harley รุ่นใหม่มีความแตกต่างอย่างไรจากรุ่นเดิม

คุณมาร์ค เล่าให้ฟังจากการที่ได้ทดสอบด้วยตัวเองที่งานเปิดตัวรถใหม่สำหรับดีลเลอร์ หรือ Annual Dealer Meeting ที่สหรัฐ และจากคนรอบข้างที่ได้สัมผัส รถใหม่นี้ยังคงมี DNA ของความเป็นฮาร์ลีย์ อย่างเต็มเปี่ยมด้วยเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครลอกเลียนแบบได้ สิ่งที่หายไปคือความเมื่อยล้าจากการขับขี่ที่เป็นผลจากสั่นสะเทือนของตัวรถที่ลดลง ด้วยการวางเครื่องยนต์ลงบนเฟรมแบบ Hard Mount แทนการใช้ยางรองแท่นเครื่องแบบเดิม รวมทั้งการติดตั้ง Dual Counter-balancers ในเครื่องยนต์เพื่อลดการสั่นสะเทือน และน้ำหนักตัวรถที่หายไปราวๆ 10 กว่ากิโลกรัม
ส่วนสิ่งที่ได้เพิ่มมาจากรุ่นก่อนๆ คือ พละกำลังของเครื่องยนต์ที่ดุดันขึ้น สัมผัสได้ชัดเจนจากอัตราเร่ง การประหยัดเชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพ และการขับขี่ที่คล่องตัว
ทั้งสิ่งที่หายไปและเพิ่มขึ้น ทำมาเพื่อสร้างความมั่นใจว่าฮาร์ลีย์จะขายให้แก่คนไทยและคนทั้งโลกได้ ไม่ใช่แค่สำหรับคนอเมริกันร่างใหญ่ที่ใช้มักรถในระยะไกลๆ เท่านั้น !!!
ฮาร์ลีย์จะขายรถประกอบไทยเมื่อไหร่ ราคาเป็นอย่างไร รุ่นอะไรบ้าง
ตั้งแต่มีข่าวการจัดตั้งโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์  Harley Davidson ในประเทศไทย บรรดาแฟนๆ และสาวก ต่างพูดคุย สอบถามกันให้ควั่ก ถึงกำหนดเวลา รุ่นและราคาที่ฮาร์ลีย์จะเปิดตัวรถสัญชาติไทยหัวใจอเมริกันนี้ ทางทีมงานก็อดที่จะถามคุณมาร์คไม่ได้ เพราะมันหมายถึงโอกาสมากน้อยที่แฟนฮาร์ลีย์ชาวไทยจะได้ครอบครองม้าเหล็กในความฝันนี้ซะที หลังจากที่หลายๆ คนเอื้อมไม่ถึงมานาน มาไล่กันดูทีละข้อ จากการสัมภาษณ์คุณมาร์ค ดังนี้ 
ผม: “ทางฮาร์ลีย์จะเริ่มขายรถประกอบไทยเมื่อไหร่?”
คุณมาร์ค: “ก็เป็นที่พอทราบกันแล้วจากทางสื่อต่างๆ เช่น บางกอกโพสต์ ว่าทางฮาร์ลีย์ เดวิดสัน จะเริ่มจำหน่ายรถที่ประกอบในประเทศไทย ในอีกประมาณ 1 ปีนับจากนี้”
ผม: “แล้วราคาจะเป็นอย่างไร”
คุณมาร์ค: “เรื่องราคายังอีกนานครับ”
ผม: “รุ่นอะไรบ้างที่จะประกอบในประเทศ”
คุณมาร์ค: “ถ้าเป็นพี่ พี่จะผลิตรุ่นไหนดี”
ผม: “ก็ต้องเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมาก แล้วก็รุ่นที่ได้รับความนิยมรองลงมาละครับ”
คุณมาร์ค: (ยิ้มแล้วหัวเราะ)
ได้คำตอบกันแล้วสำหรับแฟนๆ ชาวไทยที่รอคอย จากนี้สิ่งต้องเอาไปขบคิดอาจเหลือแค่ “จะซื้อรุ่นไหนดี” กันแล้วละครับ

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME

ความแตกต่าง All New Honda PCX 150 กับ PCX รุ่นเก่า

มาตามคำเรียกร้องแล้วสำหรับ All New Honda PCX 150 ตัวใหม่ล่าสุด พร้อมเปิดราคาแนะนำแบบเร้าๆ เพียง 82,300 บาทเท่านั้น และที่สำคัญยังเป็นโฉมเดียวกับรุ่นที่จอดโชว์ในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2017 ที่ผ่านมา เพียงแต่ยังไม่ใช่รุ่นไฮบริดหรือมอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้นเอง

PCX 150
All New PCX 150 ปรับปรุงในหลายๆ ด้าน ได้แก่ ไฟหน้าดีไซน์ใหม่ ไฟท้ายทรงใหม่ ระบบไฟแบบ Full LED ทั้งคัน เพิ่มไฟ NEW WELCOME LIGHT ไฟ LED ส่องสว่างที่พื้นยกระดับความหรูหราไปอีกขั้น ครั้งแรกของรถระดับนี้ 
PCX 150
จุดเด่นที่นับว่าเป็นทีเด็ดคือ NEW FULL DIGITAL SPEEDOMETER มาตรวัดแบบใหม่ ความหรูหราครั้งใหม่พร้อมสะกดทุกสายตา แผงหน้าปัดระบบดิจิทัล ล้ำหน้าเต็มรูปแบบ ทั้งมาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัล, ไฟแจ้งเตือน, การเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง, นาฬิกาดิจิทัลบอกเวลา, ไฟสัญญาณ SMART Key, ไฟแสดงความพร้อมเครื่องยนต์, ไฟ Stand by ระบบ Idling Stop, ระบบบันทึกและกล่องเก็บสัมภาระขนาดใหญ่ใต้เบาะ ความจุ 25 ลิตร ใส่หมวกแบบเต็มใบเปิดค้างได้สบายๆ  บาคาร่า สูตรบาคาร่า
PCX 150
โครงสร้างเฟรมรถแบบใหม่ Double Cradle เป็นท่อเหล็กคู่ ต่างจากรุ่นเดิมที่เป็น Under Bone เดี่ยวตรงกลาง โครงสร้างใหม่นี้ ทำให้ลดน้ำหนักลงได้มากเหลือ 129 กก. จากเดิม 132 กก. ขนาดยางไซส์ใหญ่ขึ้นหน้า 100/80-14M/C 48P หลัง 120/70-14M/C 61P และเป็น Tubless ส่วนของเดิมหน้า 90/90-14 M/C 46P แบบจุ๊บเลส หลัง 100/90-14 M/C 57P แบบจุ๊บเลส 
เครื่องยนต์เป็นรุ่นเดิมแต่ได้มีการพัฒนาและปรับปรุงชิ้นส่วนภายในใหม่ให้ลดแรงเสียดทานลง และปรับแต่งระบบคอมพิวเตอร์ใหม่ส่งผลให้มีอัตราการประหยัดมากขึ้นถึง 51.3 กม./ลิตร จากโรงงาน และอัตราเร่งดีขึ้นอีกด้วย 
PCX 150
All New PCX150 มาพร้อมระบบสมาร์ทเทคโนโลยี (Honda Smart Technology) ที่พัฒนาไปอีกขั้นเพื่อการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ ประกอบด้วยเครื่องยนต์ทรงประสิทธิภาพ eSP (Enhanced Smart Power) ขนาด 150 ซีซี. หัวฉีด PGM-FI ระบายความร้อนด้วยน้ำ ที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ และระบบจุดระเบิดแบบ Full Transistorized จากรุ่นเดิมที่เป็น Digital Transistorized รองรับมาตรฐานไอเสียสากล Euro4 ให้สมรรถนะความแรงและอัตราการประหยัดน้ำมันที่คุ้มค่า, ระบบหยุดเครื่องยนต์อัตโนมัติ Idling Stop System, และระบบกระจายแรงเบรกหน้า-หลัง Combi Brake System ระบบเบรกหน้าดิสก์หลังดรัมเบรก และก็ยังไม่มี ABS (สักที)
นอกจากนี้ใน All New PCX150 ใหม่ ยังมีมิติตังถังที่แตกต่างกัน โดยมีความยาว 1,923 มม. รุ่นเดิม 1,931 มม. ความกว้าง 745 มม. รุ่นเดิม 737 มม. นับว่ากว้างขึ้นเล็กน้อย และสูง 1,107 มม. รุ่นเดิม 1,103 มม. สูงกว่านิดหน่อยเท่านั้น ระยะฐานล้อที่ไม่เท่ากันคือ 1,313 มม. รุ่นเดิม 1,315 มม. ความสูงเบาะ 764 มม. รุ่นเดิม 761 มม. และความสูงใต้ท้อง 137 มม. รุ่นเดิม 138 มม. ซึ่งนับว่ามีความแตกต่างกันจริงและทั้งโครงสร้างกับตัวถังใหม่จริงทั้งคันจึงเรียกว่าเป็น All New ได้เต็มปากจริงๆ
เปรียบเทียบข้อมูลที่แตกต่างกัน
PCX 150

PCX150 ปี 2016

PCX 150 ปี 2016
All New PCX 150 รถครอบครัว AT ยุคใหม่ที่ปรับปรุงเพิ่มขึ้นทั้งคัน และยังคงเป็นตัวแรงรุ่นหนึ่งจากค่ายฮอนด้าที่คาดว่ายอดจองถล่มทลายอย่างแน่นอน โดยเปิดราคาแนะนำในวันเปิดตัวเพียง 82,300 บาทเท่านั้น ส่วนรุ่นโฉมปี 2016 ราคา ณ วันเปิดตัวอยู่ราวๆ 77,000 – 80,000 บาท นับว่าไม่ต่างกันมาก แต่ให้ออปชั่นเพิ่มขึ้นจากเดิมพอสมควร แต่ว่า…น่าเสียดายที่ยังไม่มีระบบเบรก ABS และดิสก์เบรกล้อหลังมาให้เช่นเดิม…!
 
ขอขอบคุณช้อมูลและรูปภาพจาก : checkraka

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME

ขั้นตอนและเอกสาร ที่ต้องเตรียม ต่ออายุ ใบขับขี่มอเตอร์ไซค์

เมื่อไม่นานมานี้ เพิ่งจะไปต่ออายุ ใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ มา เชื่อว่านักบิดมอเตอร์ไซค์หลายๆ คน เมื่อถึงเวลาต้องต่ออายุใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์น่าจะมีงงๆ กันบ้าง เพราะใบอนุญาตขับขี่นั้นมีทั้งแบบ 1 ปี เป็น 5 ปี หรือจาก 5  ต่ออายุครั้งใหม่ไปอีก 5 ปี การต่อใบอายุขับขี่จะมีขั้นตอนอย่างไร และต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง เดี๋ยวเราจะเล่าให้ฟังครับ

สำหรับการต่ออายุ ใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ จากแบบ 1 ปี เป็น 5 ปี สิ่งแรกที่ต้องเตรียมคือ เอกสารทางราชการ หรือภาษาชาวบ้านก็คือ ใบอนุญาตขับขี่เดิม บัตรประชาชนตัวจริง ใบรับรองแพทย์ หากในกรณีที่ต่ออายุจาก 5 ปี เป็น 5 ปี นั้น ไม่ต้องใช้ใบรับรองแพทย์ เว้นแต่ว่าใบอนุญาตขับขี่หมดอายุเกินกว่า 3 ปี แบบนี้ต้องใช้ใบรับรองแพทย์ครับ
ใบขับขี่มอเตอร์ไซค์
หมายเหตุ
  • กรณีใบอนุญาตหมดอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี เพิ่มขั้นตอนการสอบข้อเขียน
  • กรณีใบอนุญาตหมดอายุเกิน 3 ปี เพิ่มขั้นตอนการสอบข้อเขียน และการสอบขับรถ และใบรับรองแพทย์
  • นอกจากนี้หากมีการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล หรือที่อยู่ แนบหลักฐานเพิ่มเติมมาประกอบด้วยด้วย
  • กรณีต่ออายุใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลแบบ 5 ปี เป็น แบบ 5 ปี ต่อก่อนล่วงหน้าหรือขาดอายุไม่เกิน 1 ปี ทดสอบปฏิกิริยาการใช้เบรกเท้า การทดสอบสายตาบอดสี สายตาทางกว้าง และสายตาทางลึก ไม่ต้องใช้ใบรับรองแพทย์ พร้อมเข้ารับการอบรม 2 ชั่วโมง  บาคาร่า สูตรบาคาร่า
  • สามารถต่ออายุล่วงหน้าได้ 90 วัน

ไปกรมการขนส่งใกล้บ้าน

การต่อใบขับขี่ต้องไปที่กรมการขนส่งทางบกเท่านั้น โดยสามารถไปสาขาไหนหรือจังหวัดใดก็ได้ที่สะดวกและใกล้บ้าน แนะนำว่าควรไปแต่เช้า หรือหากไม่รีบร้อนก็สามารถไปได้ตลอดวัน โดยรวมใช้เวลาในการต่อใบขับขี่ประมาณ 2 ชม. แต่สำหรับวันที่คนพีคๆ นั้น ก็อาจจะเผื่อเวลาเพิ่มไปอีก 1 – 2 ชม. 
ใบขับขี่มอเตอร์ไซค์
สำหรับคนที่ไปที่กรมขนส่งฯ จตุจักร ให้ติดต่อที่อาคาร 4 ชั้น 2 ห้องประชาสัมพันธ์เพื่อตรวจสอบหลักฐานที่เตรียมมาว่าครบถ้วนหรือต้องแนบสิ่งใดเพิ่มเติมหรือไม่ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะแนะนำให้ไปตามจุดต่างๆ ในขั้นตอนต่อไป
เมื่อเดินออกจากห้องประชาสัมพันธ์แล้วให้เลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าไปนั่งรอเรียกตามคิวที่แนบมา ซึ่งใช้เวลาไม่นานนัก ต้องบอกว่าเจ้าหน้าที่แข็งขันและเคลียร์คิวได้รวดเร็วจริงๆ แม้จะมีคนเยอะมากก็ตาม
ใบขับขี่มอเตอร์ไซค์
สามารถติดต่อกรมขนส่งฯ สาขาต่างๆ ได้ตามนี้
  • กรมการขนส่งทางบก (อาคาร 4 ชั้น 2) หรือ BTS หมอชิต เดินย้อนไปทางสะพานควาย 
  • สำนักงานขนส่งเขตพื้นที่ 1 – 4
  • ต่างจังหวัด ติดต่อได้ที่ สำนักงานขนส่งส่วนภูมิภาคของแต่ละจังหวัด
ใบขับขี่มอเตอร์ไซค์

 

ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย

แม้จะเคยทดสอบมาแล้วในตอนที่ทำใบขับขี่ครั้งแรก แต่ในการต่ออายุทุกครั้งก็ยังคงต้องมีการทดสอบสมรรถภาพร่างกายด้วย ซึ่งจะต้องเดินขึ้นมาชั้นที่ 3 และเดินไปรับบัตรคิวที่ประชาสัมพันธ์ การทดสอบเป็นรูปแบบเดิมนั่นคือ
  • ทดสอบการมองเห็นสี ที่จำเป็นในการขับรถ – ให้ดูสัญญาณไฟสี แดง, เหลือง, เขียว สลับตำแหน่งไป-มา
  • ทดสอบสายตาทางลึก – ให้กะระยะการปรับแท่งยาวแนวตั้ง 2 แท่ง ในทางลึกให้เลื่อนเข้ามาอยู่ในระดับเดียวกัน
  • ทดสอบสายตาทางกว้าง – ให้วางหน้าชิดกับเครื่องมือทดสอบและตอบสีของไฟ 3 สี แดง,เหลือง,เขียว ที่อยู่ริมด้านข้างของสายตา
  • ทดสอบปฎิกิริยาเท้า (ความสามารถในการใช้เบรกเท้า) ใช้เท้าเหยียบตันเร่งที่แท่นจำลองให้ไฟสีเขียวสว่างขึ้น และเมื่อไฟสีแดงสว่างขึ้น ให้สลับเท้ามาที่แป้นเบรกทันที โดยจะไฟวัดระดับความไวจะต้องไม่เกิน 0.75 จึงผ่าน 
การทดสอบนั้นไม่ยาก เมื่อรับบัตรคิวแล้ว ก็นั่งรอเรียกคิว โดยในระหว่างนั้นจะมีวิดีโอบอกวิธีการสอบในแต่ละแบบให้ดูกัน เน้นว่าควรดู! เพราะหากทดสอบไม่ผ่านฐานใดฐานหนึ่งอาจต้องมาสอบใหม่ในวันถัดไป เมื่อทดสอบในแต่ละฐานเสร็จแล้วทางเจ้าหน้าที่จะแนะนำต่อว่าให้ไปติดต่อที่ชั้น 2 ต่อไปเพื่อชำระค่าธรรมเนียมทำบัตรและถ่ายรูปเพียง 250 บาทและค่าคำขอ 5 บาท รวมเป็น 255 บาท เป็นอันเสร็จได้บัตรใหม่มาครอบครองเรียบร้อยครับ
การต่ออายุใบขับขี่รถจักรยานยนต์ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก หากยิ่งเตรียมเอกสารมาให้พร้อมจะใช้เวลาไม่นานนัก และเจ้าหน้าที่ระบายคิวได้อย่างรวดเร็วจริงๆ ดังนั้นใครรู้ตัวว่าใบขับขี่ใกล้หมดอายุแล้วควรรีบไปต่อเสียแต่เนิ่นๆ เพื่อความสะดวกและถูกต้องตามกฎหมายครับ  
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
หากลืมหรือไม่มีใบรับรองแพทย์มา สำหรับคนที่มากรมขนส่งฯ จตุจักร สามารถใช้บริการ “พี่วิน” นั่งไปคลินิกใกล้ๆ ค่ารถมอเตอร์ไซค์วินไป-กลับ รอรับเรากลับมาส่งที่เดิมอีกต่างหากประมาณ 60 บาท และค่าใบรับรองแพทย์อีก 100 บาท และหากต้องการถ่ายเอกสารก็สามารถใช้บริการบริเวณชั้น 1 ของอาคาร 4 ได้เลยครับ
หมายเหตุ : ไม่สามารถบันทึกภาพในบริเวณทดสอบสมรรถภาพร่างกายและในบางจุดได้เนื่องจากเป็นสถานที่ราชการ
 
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : checkraka

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME

สิ่งของ ของไบค์เกอร์ ที่ต้องเตรียม ก่อนลุย ฝุ่น

ชาวขาลุยที่ชื่นชอบการขับขี่มอเตอร์ไซค์ ไม่ว่ารุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่ หากต้องการจะออกทริปในสไตล์ “ลุย” เข้าป่าหรือข้ามแม่น้ำลำธาร นอกจากจะต้องเตรียมความพร้อม ของรถคู่ใจแล้ว สิ่งของ การขับขี่เฉพาะกิจการลุย นับว่าจำเป็นไม่แพ้กัน มาดู 5 อย่างของต้องมีเมื่อจะออกทริปแบบขาลุยคลุกฝุ่น บาคาร่า สูตรบาคาร่า

สิ่งของ

1. หมวกกันน็อค – Helmet 

หมวกกันน็อคสำหรับขาลุยในสไตล์วิบากหรือ Adventure นับว่าเป็น สิ่งของ ที่จำเป็นมาก ควรใช้รุ่น ที่ทำมาเพื่อขับขี่ในทางวิบาก กับออปชั่นต่างๆ ของหมวกที่สะดวก ปลอดภัยและมีน้ำหนักเบา หรือจะใช้หมวกแบบทัวริ่งก็ย่อมได้ เพราะปลอดภัยเช่นกันครับ 
สิ่งของ
สิ่งของ

2. แว่นกันฝุ่น – Goggles 

แว่นตากันฝุ่น กันโคลน กันแมลง กันทุกสิ่งที่จะกระเด็นมาปะทะใบหน้าของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะโคลน เพื่อความปลอดภัยทัศนวิสัย และยังกันลมได้ดีอีกด้วย เพราะส่วมมากมอเตอร์ไซค์สไตล์วิบากมักไม่มีชิลด์หน้า แว่นกันฝุ่นจึงสำคัญมากๆ  
สิ่งของ

3. ถุงมือ – Gloves 

ถุงมือใส่เพื่อป้องกันทั้งอุบัติเหตุ จากกิ่งไม้ที่ขับขี่ผ่านในป่า หรือเพื่อความกระชับในการขับขี่เมื่อต้องผ่านเส้นทางโหดๆ ยิ่งใช้ถุงมือสำหรับการขับขี่ Off-Road หรือวิบากยิ่งดี เพราะจะเป็นถุงมือแบบที่ไม่มีการ์ดแข็งมากนัก ทั้งนี้ก็เพื่อให้รู้สึกคล่องตัว และสะดวกในการขับขี่ตามอิริยาบถต่างๆ ของลีลาในการลุยทางฝุ่น  
สิ่งของ

4. ชุดสำหรับโมโตครอส – Jersey/Pant 

ชุดสำหรับขี่ทางฝุ่นหรือโมโตครอส ควรเป็นเนื้อผ้าบางเบาให้สัมผัสนุ่มสบาย ช่วยให้เคลื่อนไหวได้สะดวกคล่องตัว ทั้งการยืน เอี้ยวตัวเพื่อเลี้ยวโค้ง เพราะจะคล่องตัวกมากกว่าการใส่ชุดขับขี่แบบปกติ  
สิ่งของ
แต่สำหรับคนที่จะไปออกทริปลุยๆ เน้นเข้าป่า แนะนำว่าใส่ชุดสำหรับออกทริปทั่วไป ที่มีเกราะ สนับศอกและเข่า น่าจะเซฟตี้กว่า เนื่องจากชุดแบบโมโตครอส เน้นใช้แข่งในสนาม อาจจะไม่ค่อยเหมาะสำหรับทริปลุยเข้าป่านัก ชุดที่มีการป้องกันจะช่วยป้องกันอันตรายจากเศษไม้ กิ่งไม้ที่จะฟาดตัวเราได้ดีกว่า 

5. รองเท้า – Boots

รองเท้าสำหรับขี่มอเตอร์ไซค์ จะเป็นแบบครึ่งข้อหรือเต็มข้อก็ได้ แต่ถ้าลุยทางโหดๆ ควรใช้แบบเต็มข้อจะเซฟตี้กว่า เพราะการขับขี่บนเส้นทางทุรกันดาร เช่นในป่านั้น อาจต้องมีการล้มบ้าง ใช้เท้าในการช่วยพยุงตัวบ้าง รองเท้าบูทจึงจำเป็นมากๆ สำหรับการออกทริปทั้งทางเรียบและทางฝุ่น
อุปกรณ์เพิ่มเติม 
ออปชั่นแนะนำสำหรับการขี่ทางฝุ่น โดยเฉพาะหากใส่ชุดโมโตครอส ที่ชุดเป็นผ้าบ้างๆ เน้นการระบายอากาศได้ดีและความคล่องตัว แต่ไม่มีส่วนแข็ง สำหรับปกป้องตัวผู้ขับขี่ หากใส่ชุดแบบนี้ควรมี NECK BRACE เกราะกันคอและ CHEST PROTECTOR เกราะกันกระแทกลำตัวต่างๆ จากการล้มหรือต้นไม้เมื่อขับขี่ผ่านเส้นทางในป่าเขา ลดการบาดเจ็บได้ดี เพื่อความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น 
ส่วนใครที่ใส่ชุดเกราะแบบจัดเต็มอยู่แล้วก็ไม่ต้องใส่เพิ่ม เพราะคงจะหนักเอาการทีเดียว 
สำหรับการออกทริปขี่ลุยสวน ลุยป่า แบบ Off-Road เต็มที่ก็ควรเตรียมสิ่งของทั้ง 5 อย่างให้ครบ เพื่อความปลอดภัยและขับขี่ได้สนุกเต็มทีjหายห่วง แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการออกทริปทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็คือ “กระเป๋าใส่ของ” ที่จำเป็นต้องเลือกขนาดที่ใส่ได้ครบๆ และสามารถหิ้วหรือลากได้อย่างสะดวก เพราะน้ำหนักมากๆ แบบนี้คงสะพายขึ้นหลังตลอดไม่ไหวแน่ๆ 

ช่วงปีใหม่วันหยุดยาว หากความหนาวมาเยือน…ด้วยละก้อ! การขับขี่บิกไบค์ออกทริป ก็ถือเป็นอีกประสบการณ์สนุกที่เหล่าไบค์เกอร์หนุ่ม-สาวต่างถวิลหา เพราะการขี่บิกไบค์ก็ไม่ต่างกับการขับรถยนต์ มิใช่แค่กายพร้อม ใจพร้อมรถพร้อมเท่านั้น! อุปกรณ์จำเป็นสำหรับการออกทริปก็ต้องพร้อมด้วย ในบริเวณ Challenger 3 งาน MOTOR EXPO 201512 นับเป็นโอกาสอันดีที่รวมทุกอย่างไว้ให้ท่านเลือกซื้ออย่างครบครับ ลองมาดูสิ่งต่อไปนี้ที่ท่านจำเป็นต้องมี สำหรับการออกทริปยาวๆ >>

  • ชุด Kit เติมลมยาง และปะยาง สำหรับไบค์เกอร์ที่ชอบเดินทางลุยๆ ไปในถิ่นทุรกันดาร บางครั้งอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับยางรถของคุณจนไม่อาจเดินทางต่อไปได้ ชุดปะยางฉุกเฉินจึงเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุด

  • กล้องวิดีโอแบบพกพา การเดินทางกับกล้องย่อมเป็นของคู่กัน แต่แค่กล้องถ่ายภาพอาจไม่สามารถเก็บรายละเอียดการเดินทางทุกความเคลื่อนไหวและความทรงจำได้ดีเท่ากล้องวิดีโอยิ่งสามารถถ่ายช่วงเวลาขณะขับขี่ด้วยแล้ว นับเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่น่าจดจำ
  • BluetoothBluetooth สำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ และ GPS เพื่อใช้ในการโทรเข้า-โทรออก หรือจะเปิดฟังเพลงระหว่างการเดินทาง เชื่อมต่อ GPS และ Intercom คุยกับทั้งคนซ้อนและรถคันอื่นที่อยู่ไกล มีไว้อุ่นใจ สะดวกปลอดภัย
  • ไฟส่องทาง (Spotlight) สำหรับบิกไบค์แนวทัวร์ริ่ง แอดเวนเจอร์ ไฟส่องสว่างหน้ารถอย่างเดียวคงไม่เพียงพอสำหรับการออกทริป ที่บางทีอาจจะต้องขี่ในเวลามืดค่ำแสงไฟไม่เพียงพอเพื่อความปลอดภัยการติดไฟส่องทางเพิ่ม เพื่อการมองเห็นที่ชัดเจนสำหรับตัวเราและผู้ใช้ถนนร่วมกันน่าจะเป็นการดี
  • กระเป๋ากันน้ำ-ชุดกันฝน สภาพอากาศเป็นเรื่องที่คาดการณ์ไม่ได้ฝนจะตกแดดจะออกตอนไหนไม่มีใครรู้ ดังนั้นพกเสื้อกันฝนและเก็บสัมภาระของคุณในกระเป๋ากันน้ำเอาไว้ก่อนดีที่สุด
  • กระติกน้ำมันสำรอง ขับรถอย่าชะล่าใจว่า น้ำมันยังพอใช้เดี๋ยวค่อยเติมก็ได้  บางครั้งไปถิ่นทุรกันดารน้ำมันหมดฉุกเฉิน น้ำมันสำรองที่เตรียมไปนั้นจะช่วยคุณได้ในทันที
  • กล่องใส่ของท้ายรถ ไว้เก็บอุปกรณ์สำหรับนักเดินทาง (ระยะไกล) สัมภาระทั้งหลายที่ต้องการเก็บให้ดี ไม่มีกระทบกระเทือนให้บุบสลาย จำพวกโน๊ตบุ๊คแท็บเล็ต กล้องถ่ายรูป ฯลฯ (รถทัวริ่งสมัยนี้ส่วนใหญ่มีมาพร้อมรถ จึงไม่จำเป็นต้องซื้อใหม่) 
  • หมวกกันน็อค หมวกกันน็อค อุปกรณ์สำคัญที่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัวคุณได้เสมอเรียกได้ว่าขาดไม่ได้สำหรับไบค์เกอร์นักผจญภัย ปล.สีหมวกกันน็อคสำหรับใส่ขับขี่ทริปท่องเที่ยวเน้นสีสะท้อนแสงเอาไว้ดีที่สุด
  • GPS Navigator นักเดินทางที่ไม่แม่นเรื่องเส้นทาง GPS ถือเป็นอุปกรณ์จำเป็น พกไว้ไม่ผิดหวังแน่นอน
  • กันล้ม เหมือนเกราะป้องกัน ช่วยลดความเสียหายที่จะเกิดกับรถได้เป็นอย่างดี

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME

รถสกู๊ตเตอร์ 125 ซีซี ขี่ไปทำงาน รุ่นไหนดี

สภาพการจราจรทุกวันนี้หนาแน่น ติดขัดไปแทบทุกเส้นทางโดยเฉพาะในช่วงหลังๆ มีการก่อสร้างรถไฟฟ้ามากขึ้นในหลายเส้นทาง การขับขี่รถยนต์ไปทำงานหรือทำธุระต่างๆ ใช้เวลานานและสิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น หรือแม้รถมอเตอร์ไซค์บางรุ่นที่มีขนาดใหญ่และความจุสูงๆ ก็อาจเริ่มซอกแซกได้ลำบากมากขึ้น ขอนำเสนอทางเลือกใหม่ในการฝ่าวิกฤติการจราจรในกรุงเทพมหานครด้วยการหาซื้อ รถสกู๊ตเตอร์ สักคันไว้ใช่งานแบบสบายๆ ข้อดีคือ ประหยัด ขี่ง่าย ราคาไม่สูงจนเกินไป และไปได้สะดวกแม้การจราจรหนาแน่น มาดูว่ารุ่นไหนน่าซื้อรุ่นไหนโดนใจและคุ้มค่า

Honda Click i 125i ราคา ณ วันเปิดตัว 51,000 – 54,700 บาท

ฮอนด้า คลิก 125 ไอ รถสกู๊ตเตอร์ ยอดนิยมแห่งยุคที่เพิ่งเปิดตัวโฉมใหม่ล่าสุด สวยพร้อมด้วยไฟ LED รอบคันทั้ง LED Headlight & Taillight และไฟท้ายดีไซน์ได้สวยเฉียบราวกับบั้นท้าย “บิ๊กไบค์” ฮอนด้า คลิกขึ้นชื่อในเรื่องให้ความคล่องตัวทุกจังหวะซอกแซกและมีอัตราเร่งที่ดีเยี่ยม นอกจากนี้การดูแลและบำรุงรักษาง่ายในสไตล์มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า นับเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ติดลมบนไปแล้วสำหรับรถครอบครัวสกู๊ตเตอร์ขนาด 125 ซีซี บาคาร่า สูตรบาคาร่า
 
 

Peugeot Scooter Django 125 ราคา ณ วันเปิดตัว 149,900 บาท

สกู๊ตเตอร์ เปอโยต์ แยงโก้ 125 ของแปลกจากแดนน้ำหอม นับเป็นครั้งแรกที่มีจำหน่ายในไทย แม้จะมีอายุการทำตลาดในต่างประเทศมากว่า 120 ปี สกู๊ตเตอร์เปอโยต์รุ่นนี้นำเข้าทั้งคันจากประเทศเวียนนาม แต่งานประกอบและวัสดุต่างๆ ถือว่าใช้ได้ จุดเด่นคือความย้อนยุค คลาสสิกของดีไซน์ที่กินขาดโดนใจ ผสานความทันสมัยด้วยระบบไฟ LED ทั้งหมด พร้อมฟังก์ชั่นเพื่อการใช้งานที่ครบครัน ถ้าราคาต่ำกว่านี้รับรองยอดขายพุ่งแน่ๆ
 
 
Scomadi TL125 Standard ราคา ณ วันเปิดตัว 97,000 – 109,000 บาท
สโกมาดิ สกู๊ตเตอร์สัญชาติอังกฤษผลิตในประเทศแถบเอเชีย คงความเป็นยุโรปไว้อย่างครบถ้วน นับเป็นรถที่เหมาะกับผู้หลงไหลในตำนานอันเก่าแก่ และรูปทรงที่ดูคลาสสิกโบราณ แต่ผสานความทันสมัยและให้การขับขี่ที่นุ่มนวลไม่แพ้ค่ายญี่ปุ่น พร้อมความเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร และราคาในรุ่นเริ่มต้นยังพอรับได้ 
 
 

Suzuki Skydrive 125 ราคา ณ วันเปิดตัว 46,400 – 49,400 บาท

ซูซูกิ สกายไดร์ฟ 125 นับเป็นรุ่นที่อยู่ยงคงกระพันกับแบรนด์นี้มายาวนาน มาพร้อมรูปทรงยอดฮิตเมื่อสมัย 4 – 5 ปีที่ผ่านมา ด้วยการลากทำตลาดในประเทศไทยมาจนถึงปัจจุบัน จึงดูเชยไปบ้าง แต่ก็นับว่ามีข้อดีคือ ความ “อึด ทึก ทน” ที่ลูกค้าไม่ค่อยมีเรื่องให้บ่นสักเท่าไหร่ และราคาที่ต่ำกว่าชาวบ้าน ยังพอเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในรถระดับ 125 ซีซี ใช้ขี่ในเมืองได้เหมือนกัน
 
 

Vespa 125 ราคา ณ วันเปิดตัว 87,900 บาทขึ้นไป

เวสป้า รถในตำนานและมีขนาดเครื่องยนต์ 125 ซีซีให้เลือกมากมายหลายแบบทั้งไฟหน้าเหลี่ยม, กลมหรือจะเป็นไฟแยก และราคาที่เริ่มต้น 8 หมื่นกว่าบาทไปจนถึง 5 แสนบาท! ดังนั้น หากเป็นคนที่หลงไหลในความคลาสสิกและความชิคในสไตล์สกู๊ตเตอร์สัญชาติอิตาลี่ที่มีจำหน่ายในประเทศไทยมาหลายชั่วอายุคน ตั้งแต่รุ่นเครื่องยนต์ 2 จังหวะ จนปัจจุบันเป็น 4 จังหวะ ก็ยังคงคอนเซ็ปต์ความเก่า แม้ระยะหลังอาจดูเพี้ยนจากต้นตำหรับไปมาก แต่ก็มีรุ่นพิเศษ PX 125 แบบ 2 จังหวะ ราคา 199,900 – 224,900 บาท ออกมาแก้เกมได้ แต่ราคานั้น “จุ” ไปตามๆ กัน อย่างไรก็ตามเวสป้านับเป็นสกู๊ตเตอร์ที่มีความ “ขลัง” เอกลักษณ์เฉพาะตัว และรุ่น 125 ซีซีให้ความตัวคล่องแม้จะอืดไปบ้างก็ตาม   
 
 

Yamaha LEXI 125 ราคา ณ วันเปิดตัว 59,700 – 63,500 บาท

ยามาฮ่า เล็กซ์ซี 125 น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ที่ผสมผสานดีไซน์ระหว่าง NMAX 155 และ XMAX 300 จนออกมาเป็นรถขนาดเล็กคล่องตัวและอัตราเร่งที่ดีเกินตัวจากเครื่องยนต์เทคโนโลยีวาล์วแปรผัน VVA และน้ำหนักเบา จึงควบคุมง่ายใช้งานสะดวกและให้ความปลอดภัยเพิ่มมาในรุ่นท็อปด้วยนั่นคือ ABS ยามาฮ่า เล็กซ์ซีจึงเป็นตัวเลือกที่น่าจะโดนใจใครหลายคน    
 
รถมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กช่วยให้การเดินทางระยะใกล้ในเขตตัวเมืองที่การจราจรหนาแน่นได้ดี ประหยัดน้ำมัน บำรุงรักษาต่ำ และราคาไม่แพงเกินไป หากใครเบื่อรถติดหรือมีบิ๊กไบค์คันใหญ่ๆ หากมีรถเล็กๆ ไว้ใช่สักคันก็คงช่วยให้เดินทางได้สะดวกขึ้นไปอีก นับเป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อยสุดท้ายนี้จะเลือกรถรุ่นใดก็ให้พิจารณาความเหมาะสม เช่น ราคา บริการหลังการขาย ศูนย์บริการสะดวกใกล้บ้าน หรือแม้แต่ราคาขายต่อ อีกด้วยครับ
นอกจากนี้อย่าลืมเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่ สวมหมวกกันน็อคทุกครั้ง หากเป็นไปได้หาซื้อชุดการ์ดป้องกันกระแทก หรือสนับศอก, เข่า รองเท้าหุ้มส้น และที่สำคัญไม่ขับขี่ด้วยความเร็วเกินไป เพราะหากเกิดอะไรขึ้นจะเอาไม่อยู่นะครับ
 
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : checkraka

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME

เช็ค Naked Bike 300cc – 400cc ค่ายไหน เด็ด!

Bigbike เป็นความฝันของใครหลายๆ คน ที่อยากมีรถมอเตอร์ไซค์ครอบครองไว้สักหนึ่งคัน ซึ่งแต่ก่อนเราจะเห็นรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ที่มีขนาดซีซี หรือพละกำลังเครื่องยนต์ไม่ต่ำกว่า 600 – 800 ซีซี และหลายคนต่างกังวลหากเกิดอาการคุมรถไม่อยู่ หรือผู้ซื้อมีขนาดตัวที่เล็ก และรถมีขนาดใหญ่เราจะขี่ไหวหรือเปล่า? จน ณ ปัจจุบันหลายค่ายต่างผลิตและลดทอนกำลังเครื่องให้เหมาะกับโซนแถบเอเชีย แต่ยังคงความเท่และรูปทรงต่างๆ ให้เหมือนกับขนาดบิ๊กไบค์รุ่นใหญ่ เพื่อให้ผู้ซื้อได้มีกำลังเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น โดยเริ่มผลิตเครื่องยนต์ 300 ซีซี ขึ้นไปหรือเรียกกันว่า Naked Bike 

GPX MAD 300 (ราคา 89,800 บาท)

ค่าย GPX ขอลงสนามชิงชัยด้วยรุ่นที่เปิดตัวใหม่ GPX MAD 300 น้องใหม่จากแบรนด์คนไทย ที่เพิ่งเปิดตัวในงาน Motor Expo 2018 มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบหัวฉีด EFI 300 ซีซี 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ให้เต็มสูบ บิดมันส์ติดมือกับเกียร์ 6 สปีด ดิสก์เบรกหน้าแบบคู่ โช๊คหน้าหัวกลับ Up Side Down นอกจากนี้ในเรื่องของดีไซน์ ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์กับคนไทยอีกด้วย
Naked Bike
สำหรับรถรุ่น MAD 300 เปิดตัวมาด้วยกัน 4 เฉดสีพิเศษ ได้แก่ สีเงิน (Silver Matt), สีแดง (Red Gloss), สีดำ (Black Gloss) และสีเหลือง (Yellow Gloss) สนนราคาพิเศษ เพียง 89,800 บาท (***ราคานี้เฉพาะช่วงงาน Motor Expo 2018 เท่านั้น) เอ้า! ใครอยากได้รีบจองในงานโลด

 

Honda CB300R (ราคา 149,800 บาท )

รถจักรยานยนต์ที่ถูกคิดค้นขึ้นด้วยจิตวิญญาณคราฟต์ จากญี่ปุ่น และผสมผสานเทคโนโลยีสปอร์ตที่ล้ำหน้า มาพร้อมกับเอกลักษณ์ใหม่ในแบบฉบับของ NEO SPORTS CAFE ไฟหน้า LED ทรงกลม โช๊คหัวกลับขนาดใหญ่ 41 มม. ดิสก์เบรกขนาด 296 มม. และเรเดียลเมาท์ 4 พอต คาลิปเปอร์ พร้อม ABS G-Sensor โช๊คหลังโมโนโช๊คแบบปรับได้ 7 ระดับ เครื่องยนต์ ระบบหัวฉีด PGM-FI ขนาด 300 ซีซี นอกจากนี้ยังสามารถเลือกชุดแต่ง H2C ได้หลายหลายสไตล์ บาคาร่า สูตรบาคาร่า
Naked Bike
 

Yamaha MT-03 (ราคา 180,000 บาท)

อัศวินแห่งรัตติกาล สัญชาตญาณตระกูล MT ซีรีส์ ขุมกำลัง 321 ซีซี พร้อมรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยว ดีไซน์ตัวรถแบบ X-Movement ระบายความร้อนด้วยน้ำ 4 จังหวะ DOHC 2 สูบเรียง เกียร์ 6 สปีด พร้อมกระบอกสูบไดอะซิล และเทคโนโลยีวิเคราะห์การเผาไหม้อย่างแม่นยำ หม้อน้ำขนาดใหญ่ ระบบเบรก ABS พร้อมยางเรเดียลแบบ Tubeless ยึดเกาะถนนได้ดี ดิสก์เบรกหน้า Floating และหลังขนาดใหญ่ ช่วยให้หยุดและควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ
Naked Bike
 

Kawasaki Z 400 ABS (ราคา 186,000 บาท)

รถรุ่นเรือธงในตระกูล Z ดีไซน์ใหม่ทั้งคันแบบ All-new ที่ผสมผสานไว้ด้วยกลิ่นอายของ Z650 และ Z300/25 รูปทรงการออกแบบคล้ายคลึงกับ Ninja H2 Z400 มาพร้อมเครื่องยนต์ 399.00 ซีซี 4 จังหวะ เกียร์ธรรมดา 6 สปีด แบบ Return
Naked Bike
ระบายความร้อนด้วยน้ำและจุน้ำมันได้ 14 ลิตร ระบบกันสะเทือน ล้อหน้า เทเลสโคปิค ขนาด 41 มม., ล้อหลัง Bottom-Link Uni-Trak, gas-charged shock with adjustable preload **นอกจากนี้ยังมี Z400 SE รุ่นพิเศษล้อแม็กซ์สีสันดุดันและไฟเลี้ยว LED ในราคา 195,000 บาท 
 
 

BMW G 310 R (ราคา 199,000 บาท)

สุดยอดสปอร์ต Naked Bike ในระดับเริ่มต้น และยังเป็นครั้งแรกที่ BMW ผลิตเครื่องยนต์ต่ำกว่า 500 ซีซี BMW G 310 R เป็นมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางกำลังดีเหมาะกับคนไทย เครื่องยนต์ 1 สูบ DOHC 313 ซีซี เกียร์ธรรมดา 6 สปีด แบบ Constant Mesh ระบายความร้อนด้วยน้ำ 34 แรงม้า แรงบิด 24 นิวตัน-เมตร และน้ำหนักเบา 158.5 กิโลกรัม เบาะนั่งสูง 785 มม.
 
 
KTM 390 DUKE (ราคา 209,900 บาท)
 
KTM Duke 390 เน็กเก็ตไบค์สุดจี๊ด ไฟหน้า LED มาตรวัดจอสีใหม่ เครื่องยนต์ 1 สูบ เกียร์ 6 สปีด 373.2 ซีซี 43.5 แรงม้า ระบายความร้อนด้วยอากาศ สามารถปรับโหมดการขับขี่ได้ 2 โหมด ดิสก์เบรคหน้าโตขึ้น 320 มม. ดิสก์เบรคหลัง 230 มม. พร้อม ABS 9.1 MB 2 channel น้ำหนัก 149 กก.
 
 
Husqvarna SVARTPILEN 401 (ราคา 460,000 บาท)
 
จากประเทศสวีเดนเด่นด้วยดีไซน์สุดล้ำในแบบเน็กเก็ตรูปแบบอนาคต ไฟหน้า Full-LED ไฟท้าย LED เครื่องยนต์ขนาด 373.2 ซีซี 1 สูบ 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ กำลังสูงสุด 42 แรงม้า เกียร์ 6 สปีด ระบบคลัทซ์มือแบบ PASC antihopping clutch, mechanically operated แฮนด์แบบยกสูงสไตล์ Scrambler
ล้อซี่ลวด ยางแบบกึ่ง Off-Road มาพร้อมโครงถักแข็งแรง ฝาครอบถังน้ำมันด้านข้างเลือกสีได้ และติดตั้งจุดยึดอุปกรณ์บนถังน้ำมัน พร้อมกันดีดล้อหลังมาให้ครบ ระบบเบรก ABS Bosch 9.1MP Two Channel (disengageable) ดิสก์หน้า ByBre 4 port ขนาด 320 มม. ดิสก์หลัง ByBre ขนาด 230 มม.
 
ทั้งหมดเป็นการรวบรวมจากทางทีมงานซึ่งทั้งหมด 6 ค่าย นับเป็น 1 ในกลุ่มรถยอดนิยม และขนาดที่เหมาะกับคนไทย หวังว่าจะเป็นทางเลือกให้คนไซต์เล็กที่อยากลอง หรือคนที่อยากขยับขึ้นมาขี่บิ๊กไบค์ แต่ยังกล้าๆ กลัวๆ ซึ่งถ้าได้รถไซต์ประมาณนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว  
 
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : checkraka

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME

น้ำมันเครื่อง อยากเร่งแรง วิ่งเนียน ต้องศึกษา

 ในโลกของมอเตอร์ไซค์ก็เช่นกัน ค่ายมอเตอร์ไซค์แต่ละค่าย ล้วนพัฒนาเครื่องยนต์กลไกของตัวเองให้มีสมรรถนะสูงสุด นั่นก็คือ พละกำลังในการปกป้อง หรือการหล่อลื่นชิ้นส่วนต่างๆ ให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยลดช่องว่างอันเป็นปัจจัย ที่ส่งผลต่อการสึกหรอให้มากที่สุด ซึ่งหัวใจสำคัญที่ทำหน้าที่ในการปกป้องเครื่องยนต์ ทุกระดับชั้น คงหนีไม่พ้น “น้ำมันเครื่อง” นั่นเอง

เพื่อชิงความได้เปรียบ และสร้างจุดขายให้กับแบรนด์ตัวเอง ซึ่งยิ่งเครื่องยนต์มีพละกำลัง ที่สูงขึ้นมากเท่าไหร่ สิ่งที่ต้องตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เครื่องยนต์กลไก เรียกได้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ที่มนุษย์ได้คิดค้นขึ้น ภายใต้ความซับซ้อนของชิ้นส่วนต่างๆ ที่สามารถเปลี่ยนรูปแบบพลังงาน ออกมาให้เราๆ ท่านๆ ใช้งานได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งด้วยองค์ประกอบ ที่มีความซับซ้อนเหล่านั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกหากชิ้นส่วนต่างๆ ล้วนต้องมีการเสียดอย่างต่อเนื่อง และหนักหน่วงตลอดการทำงาน โดยเฉพาะกับเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะสูง ที่ต้องรีดเค้นพละกำลังออกมา ให้ใช้จนถึงขีดสุด

น้ำมันเครื่อง

หน้าที่สำคัญในการใช้รถยนต์สักคันหนึ่ง นอกจากจะต้องผ่อนรถยนต์ ให้ตรงเวลา เติมน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อให้รถขับเคลื่อนไปได้แล้ว ยังต้องมีการบำรุงรักษาชิ้นส่วนต่างๆ ตามระยะทางที่กำหนดเอาไว้ด้วย โดยเฉพาะเรื่องของน้ำมันเครื่อง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ที่คนเป็นเจ้าของรถต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะมันหมายถึงสมรรถนะ และอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ ที่จะดีหรือไม่ดีได้เลย

หนึ่งในความเข้าใจ ที่ถือว่าเป็นความเชื่อผิดๆ ของไบค์เกอร์หลายๆ คนก็คือ เลือกน้ำมันเครื่องอะไร ก็สามารถปกป้อง หรือใช้แล้วเครื่องไม่พังเหมือนกัน ! ซึ่งคงเป็นเรื่องที่ไม่ผิด หากเลือกใช้ น้ำมันเครื่อง ที่ได้คุณภาพในระดับมาตรฐาน แน่นอน…ว่าไม่พัง แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่า น้ำมันเครื่องเหล่านั้น ช่วยเติมสมรรถนะให้เครืี่องสามารถทำงานได้อย่างอย่างเต็มประสิทธิภาพหรือเปล่า จึงเป็นเหตุผลของบทความนี้ เพื่อให้ชาวไบค์เกอร์ ใส่ใจในการเลือกน้ำมันเครื่องให้เหมาะสม กับการใช้งานของตัวเองมากที่สุด บาคาร่า สูตรบาคาร่า

 

            ประการแรกที่ควรจะต้องคำนึงถึง คือ ประเภทของน้ำมันเครื่อง

โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเครื่อง แบบสังเคราะห์ 100% และน้ำมันเครื่อง แบบกึ่งสังเคราะห์ โดยแต่ละแบบอาจมีการใส่สารเพิ่มประสิทธิภาพเข้าไปในรูป แบบที่แตกต่างกัน

ซึ่งต้องเลือกให้เหมาะสม ตามรูปแบบการใช้งาน เช่น ชั้นฟิล์มที่ช่วยในการปกป้องชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ รวมไปถึงสารเพิ่มประสิทธิภาพ ให้น้ำมันเครื่องสามารถคงคุณสมบัติสูงสุดไว้อย่างยาวนาน เพื่อการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้น

น้ำมันเครื่อง

ค่าความหนืด มีผลอย่างยิ่งกับประสิทธิภาพในการปกป้องเครื่องยนต์

            เลือกความหนืด ให้เหมาะสมกับรูปแบบการใช้งาน โดยปกติแล้ว น้ำมันเครื่องมอเตอร์ไซค์ รวมถึงน้ำมันเครื่องทั่วๆ ไป

จะมีฉลากระบุค่าความหนืดไว้ที่ข้างขวด เช่น 5W-40, 10W-50 ซึ่งเป็นตัวเลข ที่ใช้บอกความหนืดของน้ำมันเครื่อง ในการเลือกค่าความหนืด ควรศึกษาสเปคที่ระบุไว้ในคู่มือ ว่ามอเตอร์ไซค์รุ่นนั้นๆ เลือกใช้ความหนืดเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม

โดยมีแนวทาง การทำความเข้าใจง่ายๆ คือ ตัวเลขยิ่งน้อย น้ำมันเครื่องจะยิ่งใส เครื่องทำงานลื่น แต่ประสิทธิภาพ ในการปกป้องในอุณหภูมิที่สูง อาจด้อยกว่าน้ำมันเครื่อง ที่มีค่าความหนืดที่สูงกว่า ในคุณบัติที่เหมือนกัน

น้ำมันเครื่อง

                หลายคนอาจจะยังไม่ทราบ หรือไม่ได้ใส่ใจว่า น้ำมันเครื่องในแต่ละแบบ ให้ประสิทธิภาพ หรือคุณสมบัติที่โดดเด่นต่างกัน

น้ำมันเครื่องบางรูปแบบ อาจไม่เหมาะกับรถอีกรูปแบบ ด้วยองค์ประกอบทางเคมี ที่มีความแตกต่าง เช่น รถมอเตอร์ไซค์เกียร์ออโตเมติก ก็ควรเลือกน้ำมันเครื่อง ที่ทำมาเพิื่อรถออโตเมติกโดยเฉพาะ

ส่วนรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไป ก็ไม่ควรใช้น้ำมันเครื่อง ร่วมกับรถออโตเมติก เนื่องจากเครื่องยนต์ของรถเหล่านั้น จะมีชุดเกียร์และชุดคลัทช์แช่อยู่ในน้ำมันเครื่อง

ซึ่งน้ำมันเครื่อง ต้องมีคุณสมบัติ ในการสร้างความฝืดให้ชุดคลัทช์สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เป็นต้น โดยน้ำมันเครื่องเหล่านี้

มักจะมีการระบุมาตรฐาน ของคุณสมบัติไว้ข้างขวด เช่น MA เป็นน้ำมันเครื่องที่เหมาะสำหรับรถคลัทช์แห้ง ที่ไม่เน้นการใส่สารในการสร้างความฝืดให้กับชุดคลัทช์, MB เป็นน้ำมันเครื่องที่ออกแบบมาสำหรับเครื่องยนต์คลัทช์เปียก หรือ MA2 อันเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับเครื่องยนต์คลัทช์เปียกที่มีระบบกรองไอเสียอยู่ภายใน

            ของถูกและดี อาจไม่มีอยู่ในโลก แต่ของดี ราคาเหมาะสม ย่อมมีเหตุผลในตัวเอง หลายคนยังยึดติดกับความเชื่อที่ว่า “มีอะไรให้ใช้…ก็ใช้ๆ ไปเถอะ ใส่แล้วไม่พังก็พอ”

นั่นเป็นความความเข้าใจที่ผิดอย่างแรงกล้า เพราะการเลือกเลือกสิ่งดีๆ ให้กับรถคันเก่ง ก็เหมือนการที่คุณเลือกของกินดีๆ มีคุณค่าทางอาหารให้กับตัวเอง

ซึ่งมันส่งผล ต่อความแข็งแรง สมบูรณ์ของร่างกาย ลองนึกเล่นๆ แล้วกันครับ ว่าถ้าคุณอยากกินแค่ให้อิ่มไปวันๆ กินข้าวเปล่าอย่างเดียว คุณก็อิ่มได้ แต่ทำไม…คุณต้องกินข้าว + กับข้าว หรืออยากหาของอร่อยๆ กิน

อารมณ์มันก็คล้ายๆ การเลือกน้ำมันเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูง ให้กับสองล้อคันเก่งของคุณนั่นเอง ราคาอาจสูงกว่าคำว่า “อะไรก็ได้” แต่แน่นอนว่าถ้าได้เลือกใช้สิ่งดีๆ เลือกอย่างพิถีพัถัน อาการ “พังผ่อนส่ง” คงไม่เกิดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

น้ำมันเครื่อง

             สุดท้าย…คงไม่มีสิ่งอื่นใดที่โดนใจไปกว่า ความพึงพอใจส่วนบุคคล หลายคนมักเลือกใช้น้ำมันเครื่องแบรนด์ที่มีชื่อเสียงที่สั่งสมมาในวงการมอเตอร์สปอร์ต ซึ่งแน่นอนว่า น้ำมันเครื่องมอเตอร์ไซค์ที่ได้การยอมรับในแวดวงการแข่งขันในระดับสูงสุด พัฒนาจากการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ย่อมมีอะไรที่เหนือกว่าธรรมดาซ่อนอยู่ อันเป็นเหตุผลที่ทีมแข่งระดับโลกเลือกที่จะนำมาใช้เดิมพันกับผลการแข่งขันที่ชี้วัดกันด้วยเวลาเพียงเสียววินาที รวมไปถึงความรู้สึกส่วนตัวที่ได้ทดลองใช้ ความลื่นไหลในการทำงานของเครื่องยนต์ เร่งได้ติดมือ คลัทช์ไม่ลื่น เข้าเกียร์ได้อย่างนุ่มนวล ย่อมเป็นเหตุผลหลักในการจะเลือกน้ำมันเครื่องแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งมาอยู่ในอ้อมอกอ้อมใจ ในฐานะผู้ใช้ตัวจริงอย่างแน่นอน

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME

เรื่องน่ารู้ของ ยางรถมอเตอร์ไซค์ สิ่งเล็กๆที่ควรรู้

ส่วนสำคัญมากอีกส่วนในจักรยานยนต์ก็คือ “ยางรถมอเตอร์ไซค์” ซึ่งมีหน้าที่สัมผัสกับพื้นผิวถนนอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น “ยาง” จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องตรวจสอบว่า มีสภาพดีพร้อมใช้งานหรือเปล่า ดังนั้นเราควรเลือกใช้ยางให้ถูกต้อง และเหมาะสมกับการใช้งานของรถมอเตอร์ไซค์ของเรา โดยสิ่งที่ควรพิจารณามีดังนี้

ยางรถมอเตอร์ไซค์
  • ควรเลือกใช้ ยางรถมอเตอร์ไซค์ ขนาดเดิมที่ได้รับการประกอบมาจากโรงานผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ เพราะผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ได้ออกแบบขนาดยางให้เหมาะสมกับขนาดของรถมอเตอร์ไซค์แต่ละรุ่น ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย และสมรรถนะที่เหมาะสม
  • หากมีความต้องการจะเปลี่ยนขนาด ยางรถมอเตอร์ไซค์ ก็อาจจะเปลี่ยนได้บ้าง แต่ควรจะต้องคงไว้ซึ่งขนาดหน้ากว้างของยาง และขนาดวงล้อ เช่น ยางที่ติดรถมาเป็นขนาด 70/90-17 เราอาจจะสามารถเปลี่ยนเป็น 70/80-17 หรือ 70/100-17 ได้ แต่ไม่ควรเปลี่ยนวงล้อจาก 17 เป็นวงล้อขนาดอื่น และไม่ควรเปลี่ยนขนาดหน้ากว้างของยางจาก 70 ไปเป็นขนาดอื่น บาคาร่า สูตรบาคาร่า
ขนาดของวงล้อยางมอเตอร์ไซค์
ยางรถมอเตอร์ไซค์
ควรใช้ขนาดความกว้างวงล้อให้เหมาะสมกับขนาดของยาง การใช้วงล้อที่แคบเกินไป หรือกว้างเกินไปจะส่งผลให้ยางไม่อยู่ในรูปทรงที่ออกแบบไว้ ซึ่งจะส่งผลต่อสมรรถนะในการขับขี่
ควรเติมลมยางมอเตอร์ไซค์เท่าไร
ยางรถมอเตอร์ไซค์
ความดันลมยางควรตรวจลมยางให้พอดีกับน้ำหนัก และข้อกำหนดที่บอกไว้กับยางมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ และควรตรวจวัดความดันลมทุกครั้งที่ออกเดินทางไกล
หรือตรวจความดันลมยางทุกสัปดาห์ การตรวจวัดลมยางควรทำขณะที่ยางยังเย็นอยู่ เพราะหากทำขณะที่ยางมีความร้อน
อากาศภายในยางจะขยายตัวทำให้ค่าผิดเพี้ยนไป ถ้าความดันลมยางมากเกิน หน้ายางจะสัมผัสกับถนนได้น้อย ทำให้มีการสะเทือนของล้อมากกว่าปกติ
และทำให้การยึดเกาะถนนน้อยลง ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายได้ แต่ถ้าความดันลมยางน้อยเกิน ยางจะแบน หน้ายางจะสัมผัสกับพื้นถนนมาก ยางจะสึกหรอเร็ว และเปลืองน้ำมันมากขึ้น การเติมลมยางที่พอดีตามข้อกำหนด จะทำให้ขับขี่ปลอดภัยและช่วยยืดอายุของยางให้ใช้งานได้นานขึ้น
ข้อสังเกตระยะเวลาในการเปลี่ยนยาง
ยางรถมอเตอร์ไซค์

คำถามที่มักพบบ่อยคือ เมื่อไรควรจะเปลี่ยนยาง บางครั้งเราอาจจะรอให้ยางสึกจนหมดไม่เห็นลายดอกยางแล้ว จึงคิดถึงการเปลี่ยนยางเส้นใหม่

แต่ความจริงแล้วเป็นการเข้าใจผิดอย่างมาก และอาจส่งผลให้เกิดอันตรายในการขับขี่ได้ ยางทุกเส้นจะมีจุดบ่งบอกว่าควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่ได้แล้ว บนยางทุกเส้นจะมีตำแน่ง TWI ซึ่งสามารถสังเกตเห็นได้ง่ายบนแก้มยาง ณ ตำแหน่งที่มีระบุ TWI อยู่ เมื่อมองลงไปในลายดอกยางแล้วเราจะเห็นว่า จะมียางนูนขึ้นมามากกว่าตำแหน่งทั่วไป เมื่อ

ไหร่ก็ตามที่ยางสึกจนถึงตำแหน่งยางที่นูนขึ้นมาแล้ว ก็ควรจะเปลี่ยนยางเส้นใหม่

ทุกครั้งที่เปลี่ยนยางนอก ควรเปลี่ยนยางในไปพร้อมกันด้วย เพราะถ้ายางในยืดไปนานแล้ว เมื่อนำมาใส่กับยางนอกใหม่ อาจเกิดรอยพับที่ยางใน และจะทำให้เกิดการเสียดสีกันทำให้รั่วซึมได้

การรับน้ำหนักของยาง
ยางรถมอเตอร์ไซค์
ยางแต่ละเส้นจะมีระบุไว้ว่า สามารถรับน้ำหนักได้เท่าไร ซึ่งหมายรวมถึงน้ำหนักตัวรถ, น้ำหนักตัวผู้ขับขี่ และน้ำหนักบรรทุกทั้งหมด หากบรรทุกเกินน้ำหนักที่ยางจะรับได้จะทำให้เกิดแรงกดมากเกินไป, ทำให้ยางเสื่อมก่อนเวลาอันสมควร, สมรรถนะในการควบคุมรถลดลง และอาจทำให้ยางระเบิดได้
การอ่านตัวเลข และสัญลักษณ์ต่างๆ บนแก้มยางมอเตอร์ไซค์
การอ่านตัวเลขและสัญลักษณ์บนแก้มยางมีสองระบบ  คือ ระบบนิ้ว และระบบเมตริก
1) ระบบนิ้ว

 

  • ส่วนอธิบายขนาดประกอบด้วย ความกว้างภาคตัดของยางนอก และรหัสเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดวงล้อ
  • ส่วนอธิบายการใช้งาน คือ อัตราชั้นผ้าใบ หรือประกอบด้วยดัชนีการรับโหลดกับสัญลักษณ์ความเร็ว
ตัวอย่างที่ 1 – “2.75-18 4 PR”
2.75 หมายถึง ความกว้างภาคตัดระบุของยางนอก
ยางรถมอเตอร์ไซค์
18 หมายถึง รหัสเส้นผ่านศูนย์กลางระบุของวงล้อ เท่ากับ 457 มิลลิเมตร
4 PR หมายถึง “อัตราชั้นผ้าใบ เท่ากับ 4 ชั้น”
ตัวอย่างที่2 – 2.75-18 42 P
2.75 หมายถึง ความกว้างภาคตัดระบุของยางนอก
18 หมายถึง รหัสเส้นผ่านศูนย์กลางระบุของวงล้อ เท่ากับ 457 มิลลิเมตร
42 หมายถึง ดัชนีการรับโหลด เท่ากับโหลดที่รับได้สูงสุด 150 กิโลกรัม
P หมายถึง สัญลักษณ์ความเร็ว เท่ากับ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
2) ระบบนิ้ว

 

  • ส่วนอธิบายขนาด และโครงสร้าง ประกอบด้วยความกว้างภาคตัดระบุของยางนอก (ระบบมิลลิเมตร) เครื่องหมายทับ (/) อัตราส่วนลักษณะยาง รหัสโครงสร้าง (“R” หมายถึง ผ้าใบเรเดียล) และรหัสเส้นผ่านศูนย์กลางระบุของวงล้อ
  • ส่วนอธิบายการใช้งาน คืออัตราชั้นผ้าใบ หรือประกอบด้วย ดัชนีการรับโหลดกับสัญลักษณ์ความเร็ว
ตัวอย่างที่ – “90/90″17 49 P”
90 หมายถึง ความกว้างภาคตัดระบุของยางนอก
90 หมายถึง อัตราส่วนลักษณะยาง 90
17 หมายถึง รหัสเส้นผ่านศูนย์กลางระบุของวงล้อ เท่ากับ 432 มิลลิเมตร
49 หมายถึง ดัชนีการรับโหลด เท่ากับโหลดที่รับได้สูงสุด 185 กิโลกรัม
P หมายถึง สัญลักษณ์ความเร็ว เท่ากับ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ยางนอกบางเส้น อาจใส่สัญลักษณ์ M/C ต่อท้ายรหัสเส้นผ่านศูนย์กลางระบุของวงล้อในชื่อขนาดยางนอกด้วย
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ การเลือกใช้ยางเป็นเรื่องที่ไม่ยากเลยใช่ไหมครับ เพียงเราต้องสังเกตสภาพของยางอยู่เรื่อยๆ ตามระยะเวลาของมัน และการเลือกดูข้อมูลสัญลักษณ์ยางตามที่ผู้ผลิตยางกำหนดมาให้เข้าใจ เท่านั้นท่านก็สามารถที่จะใช้ยางได้เต็มประสิทธิภาพ และปลอดภัยแล้วครับ
 
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : checkraka

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME