เหตุผลที่รถ บิ๊กไบค์ เป็นจำเลยในการเกิดอุบัติเหตุบนถนน

รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่หรือที่เราเรียกกันว่า รถ บิ๊กไบค์ ได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่บรรดาค่ายรถมอเตอร์ไซค์เริ่มนำเข้า-ผลิตจำหน่ายในประเทศไทย

ก็ได้รับการตอบรับอย่างดี จนเรียกว่ามีรุ่นให้เลือกเยอะแยะมากมาย ราคาเริ่มเพียงแสนต้นๆ และมีแคมเปญสุดพิเศษอีกเพียบ  บาคาร่า สูตรบาคาร่า

ก่อนอื่นคำว่ารถ “บิ๊กไบค์” นั้นหากจะกล่าวถึงในระดับสากล รถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้เรียกนี้ จะต้องมีขนาดความจุ หรือปริมาตรกระบอกสูบ 400 ซีซี ขึ้นไป
ไม่จำกัดว่าจะใช้กี่ลูกสูบ ตัวถังใหญ่หรือเล็ก ส่วนรถที่มีความจุเครื่องยนต์ต่ำกว่านั้นไม่นับเป็น “บิ๊กไบค์” แม้จะมีเครื่องยนต์ 2, 3 หรือ 4 สูบ หรือว่าขนาดตัวรถจะใหญ่แค่ไหน
อย่างไรก็ตาม มีเพียงในประเทศไทยเท่านั้นที่เรียกรถมอเตอร์ไซค์คันที่ดูใหญ่กว่ารถออโตเมติกว่า “บิ๊กไบค์” ในทันที
ซึ่งทำให้การพาดหัวในข่าวต่างๆ ดูน่าตื่นเต้น หรือหวืดหวา และก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครผิด สุดแล้วแต่ใครจะเรียกอย่างไร
บิ๊กไบค์
มาต่อกันที่ระยะ 2 – 3 ปีให้หลังมานั้นหลายคน มักจะเริ่มเห็นข่าวคราวต่างๆ
เกี่ยวกับรถมอเตอร์ไซค์กันมากขึ้น ทั้งการเกิดอุบัติเหตุ หรือการใช้รถขับขี่ท่องเที่ยว
หรือบางครั้งนำไปกระทำผิดกฎหมาย
จนสุดท้ายรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่เหล่านี้ก็กลายเป็น “จำเลย” ไปในทันที 
การตกเป็นจำเลยในที่นี้หมายถึง รถมอเตอร์ไซค์กลายเป็น หนึ่งในสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุต่างๆ มากมายในปัจจุบัน
มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากมาวิเคราะห์ดูก็จะเห็นได้ว่ามีปัจจัยที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เหล่านั้นประกอบกันอีกมากมาย
บิ๊กไบค์
1.ผู้ขับขี่ไม่พร้อม กรณีการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ ตั้งแต่รถขนาด 50 ซีซีขึ้นไป ย่อมต้องมีความรู้ ทักษะการควบคุมรถ การทรงตัว การตัดสินใจ และความรอบคอบสูงมากทั้งสิ้น หรือไม่ถูกฝึกอบรมก่อนการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ นับเป็นปัจจัยสำคัญ ในการใช้รถมอเตอร์ไซค์อันดับต้นๆ 
2.ความเคยชิน แม้จะมีทักษะที่ดีแล้วก็ตาม การขับด้วยความเคยชิน อาจนำไปสู่ความประมาท เลินเล้อ หรือลดความระมัดระวังน้อยลงนั่นเอง
รวมถึง ไม่สวมหมวกกันน็อคเพียงแค่ “ไปใกล้ๆ แค่นี้ไม่ต้องใส่หรอก” หรือ “ใส่เฉพาะมีด่านตรวจ”
3.ความคึกคะนอง ข้อนี้รู้กันดีว่าเกิดจากความต้องการแสดงออก เพื่อตอบสนองตนเอง เช่น การยกขี่ล้อโชว์ การขี่ด้วยความเร็วสูงๆ ในสภาพถนนที่ไม่สมควรหรือรองรับ
การเข้าทางโค้งด้วยความเร็วกำหนด และสุดท้ายคือ การขับแข่งขันบนถนนหลวง สิ่งเหล่านี้มักมีผลลัพธ์ออกมาคล้ายกันคือ อาจทำให้ตนเองและผู้อื่น บาดเจ็บ เสียหายหรืออาจเสียชีวิตเลยก็ได้
บิ๊กไบค์
4.ไม่เรียนรู้เพิ่มเติม เมื่อต้องการ “ขยับ” หรือ “อัพซีซี” ของรถมอเตอร์ไซค์ขึ้นไป
หลังจากกำลังเครื่องยนต์คันเดิม “ชินมือ” ไปแล้ว แต่ลืมไปว่า
จำเป็นต้องเรียนรู้ อบรม และฝึกฝนทักษะเพิ่มตามขึ้นไปด้วย ก่อนการใช้งานจริง เพราะความแรง น้ำหนัก การควบคุมที่ต้องใช้ความสามารถเพิ่มขึ้น
ตามสมรรถนะของรถ หากขาดการฝึกฝนที่ดีพอ ก็อาจทำให้การควบคุมรถได้ไม่ดีเช่นกัน    
5.ซื้อง่าย-ขายคล่อง ปัจจุบันการเลือกรถมอเตอร์ไซค์ตั้งแต่รถเล็กไปถึงรถใหญ่หรือว่าบิ๊กไบค์ สามารถซื้อกันได้ง่ายขึ้น ดาวน์ต่ำหรือฟรีดาวน์
จึงกระตุ้นความต้องการซื้อได้ง่าย ประกอบกับกฎหมายด้านการใช้รถมอเตอร์ไซค์ ตามขนาดซีซีรถยังไม่เข้มงวดนัก เราจึงเห็นเด็กระดับมัธยมขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ประเภทนี้กันอย่างง่ายดาย 
6.ผู้ปกครองหรือผู้สนับสนุน พ่อ-แม่หลายๆ คนซื้อรถมอเตอร์ไซค์ให้ เพราะมีความจำเป็นในการเดินทางไปเรียน ฯลฯ
ซึ่งก็ควรจำกัดขนาดของรถ ให้เหมาะสมกับวุฒิภาวะ และทักษะฝีมือการขับขี่ของเด็กควบคู่กันไป และก็มีอีกหลายๆ คนซื้อให้เพราะตามใจ โดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสม  
7.ใจร้อน = ประมาท การขับขี่รถทุกชนิดโดยเฉพาะรถประเภท 2 ล้อ มักสะดวกและคล่องตัวจนเกิดความเคยชิน และเข้าใจว่าสามารถที่จะขี่ไปในช่องทางต่างๆ หรืออาศัยความคล่องตัว เพื่อรีบร้อนไปในสถานการณ์ที่คับขัน และอันตราย เช่น การกลับรถตัดหน้า แทรกระหว่างรถที่กำลังเลี้ยวซ้าย เป็นต้น 
8.ไม่เคารพกฎจราจร ในส่วนของการขับขี่ที่ไม่เคารพกฏจราจร หรือการกระทำผิดกฎจราจร นับเป็นสาเหตุที่มาเป็นอันดับแรก เช่น การขับขี่ย้อนศร ขับขึ้นทางเท้า
การขับขี่ไปในเส้นทางหรือถนนที่ห้ามใช้ และการขับด้วยความเร็ว ที่เกินกำหนด ย่อมเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้หมด 
9.สภาพแวดล้อม “คุณมั่นใจได้อย่างไรว่าถนนที่ขับขี่อยู่ขณะนั้นดี”
เป็นที่ทราบกันดีว่าสภาพพื้นผิวถนนหนทางในประเทศไทย “แย่สุด” ทั้งลื่น ทั้งมีหลุมบ่อ คอสะพานอันตราย ทางโค้งที่มองไม่เห็นข้างหน้า เป็นต้น
นับเป็นความเสี่ยงมากสำหรับสิงนักบิด นอกจากนี้ยังมีสภาพดินฟ้าอากาศไม่เป็นใจอีก แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่าสามารถขับขี่ด้วยเร็วระดับนั้นในถนนที่มีสภาพแบบนี้! 
10.เราไม่ชนเขา-แต่เขามาชนเรา สุดท้ายไม่ว่าผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์จะผ่านการอบรมระดับสูงแค่ไหน หรือจะเป็นถึงนักแข่งในสนามระดับโลกก็ต้องให้ความระมัดระวังผู้ใช้รถใช้ถนนผู้อื่นด้วย
เพราะไม่สามารถกำหนดนิสัยใจคอของผู้ขับขี่คนอื่นๆ ได้ แม้เราขับขี่ด้วยความระมัดระวังเพียงใด แต่หากมีผู้ขับขี่ประมาท เช่น ฝ่าไฟแดง หรือเกิดโรคประจำตัวขณะขับรถ ย่อมก่อให้เกิดอุบัติเหตุทั้งนั้น 
เหตุการณ์หลายครั้งของรถมอเตอร์ไซค์ที่การเกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะบิ๊กไบค์หรือรถเล็ก มักมีสาเหตุมาจากหลายสิ่ง ตั้งแต่ผู้ขับขี่หรือควบคุมรถ สภาพถนน รถที่ร่วมทางด้วยกัน
แต่สุดท้ายก็ยังมีหนึ่งปัจจัยที่สามารถควบคุมมันได้นั่นคือ ผู้ขับรถนั่นเองที่จะสั่งการไปที่คันเร่งว่าจะบิดมาก-น้อยแค่ไหนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ใด
ยิ่งขับขี่ช้าลงก็จะยิ่งบาดเจ็บน้อยลง หรืออาจช่วยให้ผ่านเหตุการณ์คับขันไปได้อย่างปลอดภัย
“รถมันวิ่งเองไม่ได้ ต้องมีผู้ควบคุม” ดังนั้นรถมอเตอร์ไซค์หรือว่า “รถบิ๊กไบค์” ไม่ใช่จำเลยเป็นแค่เครื่องจักรชนิดหนึ่งที่วิ่งได้โดยมนุษย์เท่านั้นครับ 

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : checkraka

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME

เปิดประวัติ marc marquez แชมป์คนล่าสุดของ MOTO GP

ตอนที่เพื่อนๆ อายุ 4 ขวบนั้น กำลังทำอะไรกันอยู่บ้าง? ขอจั่วหัวด้วยคำถามข้อนี้ละกัน เพราะเจ้า “เด็กระเบิด” Marc Marquez นั้นเริ่มมีความฝันว่าต้องการจะเป็นนักแข่งรถมอเตอร์ไซค์ตั้งแต่ยังเด็ก และเมื่อเขาอายุประมาณ 4 ขวบ เขาได้ร้องขอของขวัญจากพ่อและแม่ของเขาเป็นรถมอเตอร์ไซค์ และเมื่อเขาได้รับมันมาเป็นรถมอเตอร์ไซค์ไซส์เล็กสำหรับเด็ก สิ่งที่พ่อและแม่ของ Márquez นั้นไม่เคยคาดคิดมาก่อน ก็คือเขาแทบจะไม่ออกห่างไปจากรถมอเตอร์ไซค์คันนั้นเลย นับตั้งแต่วันนั้น

Marc Marquez

Marc Marquez Alenta (มาร์ก มาร์เกซ อาเลนต้า) เป็นนักบิดชาวสเปน เกิดเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 1993 ที่เมือง Cervera, Catalonia ถือว่าเป็นชาวคาตาลันโดยกำเนิด โดยมาร์ก มาร์เกซมีฉายาอย่างเป็นทางการว่า “Ant of Cervera” หรือพ่อมดน้อยแห่งเมือง Cervera เพราะว่าเริ่มเป็นนักแข่งรถตั้งแต่ยังตัวเล็กๆ และมาจากเมือง Cervera นั่นเอง ส่วนฉายา “เด็กระเบิด” นั้นเป็นฉายาที่บรรดาสื่อสัญชาติไทยทั้งหลายต่างยกให้ ด้วยพฤติกรรมในสนาม ที่มักจะแสดงออกอย่างบ้าบิ่นกล้าได้กล้าเสียในสมัยที่เทิร์นโปรขึ้นมาใหม่ๆ จนตัวเองมักจะล้มระเบิดกรวดข้างสนามเป็นว่าเล่น บาคาร่า สูตรบาคาร่า

จุดเริ่มต้นก่อนหน้าประวัติศาสตร์ มาจาก 125 ซีซี และ Moto2

Marc Marquez

เริ่มต้นเมื่อปี 2008 เข้าสังกัด Repsol KTM 125cc เลือกใช้หมายเลขประจำตัวหมายเลข 93 โดยฤดูกาลนี้เป็นเหมือนการลองผิดลองถูกของเจ้าหนู Marc Márquez

ทั้งเรื่องการขับขี่ และตัวรถ ส่งผลให้ผลงานแรกในฐานะนักบิดมืออาชีพไม่ค่อยสวยงามนักจบอันดับที่ 13 เช่นเดียวกับฤดูกาล 2009 Marc Márquez ยังคงสังกัดกับทาง KTM เช่นเดิม แต่ผลงานฤดูกาลนี้ดีขึ้นมาเล็กน้อยโดยจบฤดูกาลที่อันดับ 8

แต่แล้วเส้นทางการเป็นนักบิดมืออาชีพของ Marc Márquez กำลังจะถึงจุดพลิกผันเมื่อฤดูกาล 2010 เค้าย้ายไปสังกัดทีม Red Bull Ajo Motorsport ในคลาส 125cc เช่นเคย และฉายแววการเป็นยอดนักบิดของเค้าก็เกิดขึ้น โดยการชนะทั้งสิ้น 10 สนามจาก 17 สนามที่ลงแข่งขัน ขึ้นโพเดียมไปเปิดแชมเปญ 12 ครั้ง และจบที่อันดับ 1 เป็นแชมป์โลกแรกของ Marc Márquez ในระดับ 125cc ด้วยการขัดเกลาฝีมือของ Aki Ajo ยอดนักปั้นสัญชาติฟินแลนด์

Marc Marquez

ในฤดูกาลถัดมา 2011 Marquez ขยับขึ้นมาสู่อันดับ MOTO2 โดยสังกัดกับทีม Team Catalunya Caixa Repsol ซึ่งเพียงฤดูกาลแรกเจ้าหนู Marc Márquez ในวัย 18 ปี

ในขณะนั้นเกือบจะคว้าแชมป์มาได้ในปีแรกหลังจากที่ทำคะแนนไล่ Stefan Bradl นักบิดดาวรุ่งจากเยอรมัน มาตลอดฤดูกาล แต่ Marc Márquez เองพลาดล้มจนแข่งต่อไม่ได้ในสนามสุดท้าย ปล่อยให้ Stefan Bradl คว้าแชมป์โลกไปทั้งที่ไม่ได้ลงแข่ง

พลาดโอกาสคว้าแชมป์โลกไปอย่างน่าเสียดาย (ปัจจุบัน Bradl ยังคงวนเวียนในการแข่งขัน MotoGP ทั้งในฐานะของนักแข่งทดสอบของทีม Honda และ นักแข่ง Wild Card อีกด้วย) เหมือน Marc Márquez จะได้บทเรียนจากฤดูกาลที่ผ่านไปส่งผลให้ในฤดูกาลถัดมา ฤ

ดูกาล 2012 Marc Márquez มีการควบคุมอารมณ์ในการแข่งดีขึ้นและทำผลงานได้อย่างสุดยอดด้วยการ ชนะไปทั้งสิ้น 9 จาก 17 สนาม ขึ้นไปฉลองบนโพเดียมถึง 14 ครั้ง นั้นก็เพียงพอจะทำให้เจ้าหนูวัย 19 ขวบจากสเปนทำคะแนนและคว้าแชมป์โลกไปประดับบารมีสำเร็จทิ้งอันดับรองแชมป์ถึง 59 แต้ม และในปีถัดมาการแจ้งเกิดต่อหน้าสาธารณะชนบนโลกของเจ้าหนู Marc Márquez ก็เกิดขึ้น

ถึงเวลาที่โลกต้องจารึก จาก Moto2 สู่แชมป์โลก MotoGP ที่อายุน้อยที่สุด!!!

Marc Marquez

ในฤดูกาล 2013 เป็นฤดูกาลที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในการแข่งขันที่ดุเดือดที่สุดในประวัติศาสตร์ของการจัดแข่งขัน MotoGP ก็ว่าได้

ด้วยการขับเคี่ยวของยอดนักบิดจากทั่วโลกและการแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวของ Marc Márquez นักบิดหนุ่มจากสเปนในฐานะรุกกี้หน้าใหม่ ที่ไล่บี้อดีตแชมป์โลกอย่าง Valentino Rossi และไล่กวดแชมป์โลกเมื่อฤดูกาล 2012 อย่าง Jorge Lorenzo แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน

เป็นฤดูกาลที่ได้ลุ้นกันจนถึงสนามสุดท้าย ในตอนนั้น Jorge Lorenzo มีคะแนน 305 คะแนน ไล่จี้ Marquez ที่นำอยู่ด้วยคะแนน 318 คะแนน โดย Lorenzo ต้องคว้าแชมป์สนามสุดท้ายที่ Valencia ให้ได้และลุ้นให้ Marquez จบอันดับที่ต่ำกว่า 5 เพื่อการคว้าแชมป์โลก ไฮไลท์ในสนามมันควรจะเป็นการไล่บี้กันเองของสองนักแข่งจากสเปน

แต่เหมือนฟ้าได้ลิขิตให้ Marquez เป็นแชมป์โลกในฤดูกาลนั้น ผลการแข่งขันถึงแม้ Lorenzo จะคว้าชัยในสนามที่วาเลนเซียได้แต่คะแนนรวมก็ไม่เพียงพอที่จะไล่ Marquez ที่ขับขี่แบบชิลๆ กินลงไปเรื่อยๆ จนเข้าเส้นชัยที่อันดับ 3 ส่งให้ชื่อของ Marc Márquez ที่แข่งขันด้วยรถ Honda RC213V ถูกจารึกในประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นแชมป์โลกที่มีอายุน้อยที่สุดในวัย 20 ปี และเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่สามารถก้าวขึ้นบัลลังก์แชมป์โลกได้ทั้งๆ ที่พึ่งขึ้นมาในฐานรุกกี้หน้าใหม่ ณ เวลานั้น อัจฉริยะแห่งวงการมอเตอร์สปอร์ตคนใหม่ ได้ถือกำเนิดแล้ว!!!

อาชาคู่ใจมาร์ก มาเกซ Honda RC213V
Marc Marquez

Honda RC213V สุดยอดนวัตกรรมรถแข่งจากทางค่าย Honda ที่ถือกำเนิดมาในการแข่งขันครั้งแรกเมื่อปี 2012 ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1,000 ซีซี 4 ลูกสูบแบบ V 4 จังหวะ 4 วาล์วต่อสูบแบบ DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ สามารถสร้างพละกำลังสูงสุดได้เกินกว่า 242 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ 6 สปีดแบบ Racing Reverse พร้อมระบบ Quickshifter โครงสร้างตัวถังแบบ Aluminum Twin-Tube น้ำหนักเบาทนทานต่อแรงบิดและแรงกระชากสูง ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบหัวกลับ Upside-Down ขนาด 48 มิลลิเมตร ส่วนด้านหลังเป็น MonoShock ทำงานร่วมกับสวิงอาร์มแบบ Pro-Link เจ้า RC213V นั้นมันเป็นรถที่ชื่นชอบทางโค้งเป็นพิเศษ มันสามารถนำตัวเองเข้าและออกจากโค้งได้อย่างว่องไว

fpolgS.jpg

การสร้างตำนานสุดโหดแห่งปี 2014!!!

BxfkUE.jpg

เริ่มต้นฤดูกาลที่สองของ Marc Márquez บนสังเวียน MotoGP ในปี 2014 และเป็นการแบกภาระหน้าที่ที่เรียกได้ว่าสาหัสสากรรจ์ ด้วยตำแหน่งแชมป์โลกที่อายุน้อยที่สุด

แต่ตัวของเขาเองนั้นกลับเปิดฤดูกาลได้อย่างอลังการงานสร้าง ด้วยการคว้าชัยชนะ 10 สนามรวด ตั้งแต่ Qatar Grand Prix ต่อเนื่องไปจนถึง Indianapolis Grand Prix เก็บคะแนนไปได้ถึง 250 คะแนนเต็ม

และเพื่อนร่วมทีมอย่างดานี่ เปโดรซ่า ก้าวขึ้นโพเดียมอันดับที่หนึ่งที่สนาม Bruno Circuit ในสถานรัฐเช็ก และ Marc Márquez ก็กลับมาคว้าชัยชนะอีกครั้งที่ Silverstone ทำให้ผ่านครึ่งฤดูกาลแรกเป็นการชนะติดต่อกันถึง 12 สนาม ของทีม Honda ทำให้ทีม Honda ก้าวขึ้นไปครองแชมป์ผู้ผลิตได้แบบ 2 ปีซ้อนทันที

หลังจาก Dani Pedrosa ทะยานพา Honda RC213V เข้าเส้นชัยลำดับที่สาม ที่สนาม Misano ทั้งๆ ที่ยังเหลือการแข่งขันถึง 5 สนาม เท่านั้นยังไม่พอ Marquez เองยังเก็บชัยชนะเพิ่มได้ 2 สนามที่ Sepang International Circuit และสนาม Valencia ขึ้นคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 ในระดับ MotoGP และยังเป็นการคว้า “ทริปเปิลแชมป์” ให้กับต้นสังกัด Honda ทั้งประเภท บุคคล, ทีม และผู้ผลิต 2 ปีซ้อน นับได้ว่าปี 2014 นั้นเป็นปีที่ยิ่งใหญ่แบบช็อคโลกของ Honda บนสังเวียน MotoGP อย่างแท้จริง!!!

เสน่ห์ของมาร์ก มาเกซ

fpjPun.jpg

สิ่งหนึ่งที่ถือว่าเป็นเสน่ห์ประจำตัวที่ไม่มีใครเหมือน ก็คือหากว่าเราเห็น Marc Márquez กันครั้งแรกนอกสนาม ตัวเขาเองเป็นคนที่เฟรนด์ลี่มากๆ มีรอยยิ้มติดตัวเสมอ อีกทั้งยังถ่อมตัว เป็นมิตรกับทั้งแฟนๆ และนักแข่งด้วยกันเองมาตลอด แต่ยามที่ลงแข่งในสนามนั้น ราวกับว่าเขาจะกลายเป็นคนละคนเลยทีเดียว ด้วยสไตล์การขับขี่ที่บู๊ล้างผลาญ ดุดัน Aggressive สูง ไม่เกรงกลัวใครไม่ว่ารุ่นใหญ่รุ่นเล็ก กล้าได้กล้าเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการท้าทายแรงโน้มถ่วงของโลก เราจะเห็นว่าหลายๆ โค้งที่มันไม่น่าจะแบนโค้งกันได้ขนาดนั้น แต่ Marc Márquez เองก็จัดให้จนศอกของเขานั้นไถลไปกับพื้นเลยทีเดียว ตรงนี้เองถือว่าเป็นสิ่งที่ทำให้แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตทั่วโลกต่างก็หลงรักพ่อหนุ่มคนนี้

fpjDYQ.jpg

ความท้าทายยังไม่จบสิ้น มาร์ก มาเกซ และ Honda ยังคงเดินหน้าสร้างตำนาน

fpjlVV.jpg

ด้วยวัยเพียง 25 ปีในตอนนี้ นับว่ายังมีเวลาและโอกาสอีกเยอะมากๆ ที่เจ้าเด็กระเบิดคนนี้จะกวาดแชมป์โลกได้อีกหลายสมัย ผนึกกำลังกับสุดยอดรถแข่งแห่งยุคอย่าง Honda RC213V ที่ยังคงมีการพัฒนาแบบต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งนับว่าเป็นความท้าทายต่อตัวของมาร์เกซและทางค่าย Honda เป็นอย่างมาก กับบรรดาคู่แข่งทั้งหลายที่ก้าวขึ้นมา และรถจากทีมอื่นๆ ที่ก็ยังคงมุ่งมั่นในการต่อสู้อย่างเข้มข้น แน่นอนว่าใครๆ ก็อยากจะโค่นแชมป์ แต่จะทำได้หรือเปล่า Marc Márquez และ Honda จะเป็นผู้ให้คำตอบเอง!!!

fpoMCP.jpg

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : greatbiker

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME

Yamaha Exciter 150 Sport Moped มาพร้อมขุมพลัง 150

ใหม่! Yamaha Exciter 150 อะดรีนาลีนแห่งความเร้าใจใหม่ สุดยอดรถมีเกียร์ Sport Moped ระดับท๊อปคลาส 150 ซีซี. ออกตัวเร็ว เร่งแซงดีเยี่ยม คล่องตัวด้วยโครงสร้างเฟรมใหม่ น้ำหนักเบา ออกแบบตามหลังแอโรไดนามิค ให้การขับขี่แบบสปอร์ตได้อย่างสมดุล เร้าใจในทุกย่านความเร็ว

มาพร้อมกับไฟหน้าดีไซน์สปอร์ตเป็นแบบ LED ที่มีสัญญาณไฟฉุกเฉินช่วยเพิ่มความปลอดภัย แผงเรือนไมล์ดีไซน์สปอร์ต พร้อมแผงหน้าปัดดิจิตอลทันสมัยและมีฟังก์ชั่นการทำงานครบครัน สะดวกสบายด้วย Answer Back Key ค้นหารถในระยะ 20 เมตร

ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 150 ใหม่ คันนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 150 ซีซี. เป็นแบบ 4 จังหวะ สูบเดี่ยว SOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด อัตราส่วนกำลังอัด 10.4: 1 ระบบคลัตช์เป็นแบบเปียก คอนแตนท์เมนช ระบบเกียร์ 5 สปีด สตาร์ทมือและสตาร์ทเท้า รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงเบนซินไร้สารตะกั่วหรือน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ขึ้นไป กับความจุน้ำมันเชื้อเพลิง 4.2 ลิตร

โครงสร้างตัวรถแบบแบ็คโบน กว้าง x ยาว x สูง เท่ากับ 670 x 1,985 x 1,100 มม. ความสูงจากพื้นถึงเบาะ 795 มม. ระยะห่างจากพื้นถึงเครื่อง 155 มม. ช่วงศูนย์กลางระหว่างล้อ 1,290 มม. น้ำหนัก 119 กก. รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 2,000 มม. ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นเทเลสโคปิค ด้านหลังเป็น สวิงอาร์ม

ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 150 ใหม่ ยังมาพร้อมกับยางขนาดใหญ่ มั่นใจทุกการขับขี่ ด้วยยางหน้าขนาดใหญ่ขั้น 90/80 ขอบ 17 นิ้ว ยึดเกาะถนนได้ดี เพิ่มความมั่นใจทุกการเข้าโค้ง ส่วนยางหลังเป็น 120/70 ขอบ 17 นิ้ว บาคาร่า สูตรบาคาร่า

New! ไฟหน้า LED พร้อมสัญญาณไฟฉุกเฉิน ส่องสว่างทุกการขับขี่ ชัดเจนทุกเคลื่อนไหว ด้วยไฟหน้าแบบ LED พร้อมสวิตช์สัญญาณฉุกเฉิน
Exciter 150
New! Full LCD Meter สุดไฮเทค เรือนไมล์ดีไซน์สปอร์ต พร้อมแผงหน้าปัดดิจิตอล ทันสมัยพร้อมฟังก์ชั่นการทำงานที่ครบครัน
Exciter 150
ยางหน้าขนาดใหญ่ มั่นใจทุกการขับขี่ ยางหน้าขนาดใหญ่ขึ้น 90/80 ขอบ 17 นิ้ว ยึดเกาะถนนได้ดี เพิ่มความมั่นใจทุกการเข้าโค้ง
Exciter 150
New! สะดวกในการค้นหารถด้วย Answer Back Key ค้นหาในระยะ 20 เมตร สะดวกสบายขึ้นอีกขั้น
Exciter 150
MONO SHOCK โช้คเดี่ยว โฉบเฉี่ยวมั่นใจ ออกแบบตามหลัง คันโนะเฮียวกะ พร้อมส่วนป้องกันโช้คที่แผงกันล้อหลัง ผสานการทำงานกับสวิงอาร์มที่ทนแรงบิดได้มากกว่ารถ Moped ทั่วไป ลดแรงกระแทก ขับขี่นุ่ม นั่งสบาย ทรงตัวดี *การประเมินประสิทธิภาพรถจักรยานยนต์จากข้อมูลและความรู้สึกของผู้ขับขี่
7
150 ซีซี เกียร์สปอร์ 5 สปีด คลัตช์มือ ดีกรีเจ้าแห่งความเร็ว เครื่องยนต์ 150 ซีซี. 4 จังหวะ SOHC สูบเดี่ยว 4 วาล์ว หัวฉีดอัจฉริยะ สั่งจ่ายน้ำมันได้สมดุล
Exciter 150
กระบอกสูบไดอะซิล ทน แกร่ง ประหยัด ระบายความร้อนได้ดีกว่ากระบอกสูบเหล็กทั่วไป พร้อมกระเดื่อง กดวาล์วแบบ Roller Rocker Arm ช่วยลดแรงเสียดทานของเครื่องยนต์ ให้สมรรถนะเต็มกำลัง แหวนลูกสูบเคลือบสาร DLC ป้องกันการสึกหรอ
Exciter 150
ระบายความร้อนด้วยน้ำเต็มระบบแรงดีไม่มีตกหม้อน้ำดีไซน์ใหม่ น้ำหนักเบา ออกแบบแผงระบายความร้อนให้สัมพันธ์กับบังลมด้านหน้า ช่วยระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้น ลดการสึกหรอของเครื่องยนต์และลดเสียงรบกวน ให้กำลังเต็มพิกัด ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น

COLORS สี NEW YAMAHA EXCITER 150
New Yamaha Exciter 150 2019 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ 1.สีน้ำเงิน 2.สีแดง 3.สีดำ

10
สีน้ำเงิน
Exciter 150
สีแดง
12
สีดำ
13

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME

Yamaha XSR 900 รถโมเดิร์นคลาสสิค สุดขีดความเร้าใจ

 Yamaha XSR 900 ได้รับการถ่ายทอด DNA มาจากสองล้อตระกูล Master of Torque ระดับตำนานอย่าง Yamaha MT-09 

โดยพื้นฐานที่ใช้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโครงสร้าง รวมไปถึงเครื่องยนต์ ล้วนแล้วแต่ยกมาจาก MT-09 ทั้งสิ้น แต่สิ่งที่พิเศษสำหรับ XSR900 คงหนีไม่พ้นการปรับ

ในส่วนของรายละเอียดการปลดปล่อยพละกำลังให้มีความนุ่มนวล และเหมาะสมกับประเภทของตัวรถมากยิ่งขึ้น ช่วยให้ Yamaha XSR900 

เป็นสองล้อที่สามารถขับขี่ได้อย่างเป็นมิตรยิ่งขึ้น โดยยังคงไว้ซึ่งความเร้าใจแบบเต็มพิกัดเช่นเดิม สิ่งที่โดดเด่นที่สุดสำหรับสองล้อผู้นี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องของภาพลักษณ์

รวมถึงสไตล์ที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ชอบมอเตอร์ไซค์ในรูปแบบคลาสสิค พร้อมใส่ความทันสมัยและลูกเล่นต่างๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวก เติมเต็มความปลอดภัยเข้าไปแบบเต็มพิกัด

XSR 900

XSR 900

XSR 900

                “สไตล์” นับเป็นจุดขายที่สำคัญของ Yamaha XSR 900 อย่างที่ได้เกริ่นไปในตอนต้นว่า…สองล้อผู้นี้ มาพร้อมภาพลักษณ์ที่โดดเด่นในแนวโมเดิร์นคลาสสิค

ไฟหน้าและไฟท้ายทรงกลม เช่นเดียวกับในส่วนของเรือนไมล์ที่มาในสไตล์สุดชิค แต่สามารถบ่งบอกค่าการทำงานได้อย่างครบถ้วน บาคาร่า สูตรบาคาร่า

ทั้งความเร็ว รอบเครื่องยนต์ ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง ตำแหน่งเกียร์ โหมดการขับขี่ รวมถึงระดับการทำงานของระบบ Traction Control บริเวณถังน้ำมันความจุ 14 ลิตร

มีการขุดให้เว้าลงไปเพื่อให้รับกับช่วงขา เบาะนั่งประให้สูงขึ้นเล็กน้อย เพื่อท่วงท่าการขับขี่ที่กระฉับกระเฉง โดยวัสดุที่เลือกใช้ในการหุ้มเบาะนั้น เรียกได้ว่า สวยงาม ดูมีราคา

และเข้ากับสไตล์ของรถได้ดีทีเดียว ในส่วนขององค์ประกอบหลักๆ ไม่ว่าจะเป็นเฟรม ล้อ ท่อไอเสีย แผงคอ รวมถึงแฮนด์บาร์ จะใช้เป็นสีดำที่ดูเคร่งขรึม รับกับรูปแบบของตัวรถ

                ขุมพลังของ Yamaha XSR900 แน่นอนว่ามาในรูปแบบ 3 สูบเรียง Crossplane พิกัด 847 ซีซี. DOHC 12 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ สั่งจ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด Yamaha Fuel Injection with YCC-T ให้กำลังสูงสุด 115 แรงม้า ที่ 10,000 รอบ/นาที และมีแรงบิดมากถึง 87.5 นิวตัน-เมตร ที่ 8,500 รอบ/นาที โดยสิ่งที่แตกต่างจาก Yamaha MT-09 ก็คือ ทางค่ายปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้การตอบสนองเป็นไปอย่างสมูท นุ่มนวลยิ่งขึ้น เพื่อให้เป็นมิตรกับผู้ขับขี่ และสามารถใช้งานที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเติมลูกเล่นเพื่อความปลอดภัยเข้าไปอีกระดับ ทั้งระบบ Traction Control รวมไปถึง Slipper Clutch เพื่อลดอาการล้อหลังล็อคในขณะเชนจ์เกียร์ลงอย่างรวดเร็ว ด้านระบบส่งกำลังมาในรูปแบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ส่งแรงสู่ล้อขับเคลื่อนผ่านโซ่ และมาพร้อมล้อแม็กแบบ 10 ก้าน มัดด้วยยางหน้าขนาด 120/70ZR17 ยางหลังขนาด 180/55ZR17 ช่วงล่างมากับโช้กหน้าในขนาด 41 มม. และโช้กเดี่ยววางนอนพร้อมกระเดื่องทดแรงในด้านหลัง ส่วนระบบเบรกหน้ามาพร้อมปั๊มบนจาก Brembo จับคู่กับคาลิเปอร์แบบ Mono Block จาก Advics และเบรกหลังมากับปั๊มกระทุ้ง Brembo และคาลิเปอร์ Nissin พร้อมเติมความปลอดภัยด้วย ABS ทั้งหน้าและหลัง

                ในขั้นตอนของการทดลองขับขี่นั้น ทาง Yamaha Rider’s Club ได้แบ่งรูปแบบการทดลองขี่ออกเป็น 2 ช่วง ในช่วงแรกจะเริ่มที่การทดลองขี่ในสนามโกคาร์ทบริเวณหน้าสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต รวมถึงขับขี่ในเมือง

เพื่อทดลองในเรื่องของความคล่องตัว และฟังค์ชั่นต่างๆ ที่มีมาให้ใน Yamaha XSR900 ซึ่งหลายๆ ท่านก็คงทราบกันดีอย่างแล้วว่า มอเตอร์ไซค์ตระกูล MT ของค่าย Yamaha นั้น โดดเด่นในเรื่องของความคล่องตัวเป็นจุดขายอยู่แล้ว เช่นเดียวกับ Yamaha XSR900

ให้ความรู้สึกเป็นมิตรต่อผู้ขับขี่ แม้จะเพิ่งเคยสัมผัสเป็นครั้งแรก โดยผู้ที่เคยสัมผัสกับความรุนแรง เร้าใจของตระกูล MT-09 มาก่อน น่าจะรู้สึกถึงความต่างได้อย่างเด่นชัด ซึ่ง XSR900 ให้ความรู้สึกที่เป็นมิตรกว่ามาก โดยเฉพาะเรื่องการตอบสนองของคันเร่งที่ทำได้อย่างนุ่มนวล จนลบอาการกระชากที่เคยมีใน MT-09 ออกไปได้อย่างหมดจด

ในระดับที่ว่าเปิดทิ้งเปิดขว้างก็ยังพอไหว ช่วยให้การขี่ในเมืองสามารถทำได้ง่ายยิ่งขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่รู้สึกว่าขาดไปก็คือ เรื่องของพละกำลังและความกระฉับกระเฉง แรงบิดยังคงมีมาให้ใช้อย่างต่อเนื่อง แม้จะขับขี่ด้วยรอบเครื่องยนต์เพียง 2-3,000 รอบ/นาที เท่านั้น

ไม่ต้องเค้นรอบเครื่องยนต์เพื่อเรียกกำลัง โดยผู้ขับขี่สามารถเหลือโหมดการขับขี่ได้ตามต้องการทั้ง A (โหมดบ้าพลัง), STD (โหมดปกติ) และ B (โหมดมือใหม่ หรือเพื่อการขับขี่ในสภาพถนนที่เปียกลื่น) เพื่อความง่าย และเติมความเร้าใจในการขับขี่ การพลิกในโค้งแคบๆ ทำได้อย่างรวดเร็ว ให้เสถียรภาพในการทรงตัวที่ดี และหากเผลอเปิดคันเร่งแรงเกินไป ระบบ Traction Control ก็จะเป็นหัวใจหลักที่ช่วยเก็บอาการดีดดิ้น และทำให้ Yamaha XSR900 เป็นรถที่ขี่ได้อย่างเชื่องมือยิ่งขึ้น

                เมื่อทำความคุ้นเคยกับตัวรถกันมาพอสมควรแล้ว ในช่วงบ่ายก็ถึงเวลาแห่งการ “จัดเต็ม” ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของทาง Yamaha Rider’s Club จัด Yamaha XSR900 ให้ได้ทดลองหวดในสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ด้วยความคุ้นเคยที่โดยส่วนตัวผมมีให้กับรถตระกูล 09 อยู่ประมาณหนึ่ง ทำให้ในการลงสนามในครั้งนี้ ผมเลือกขับขี่ในโหมด A อย่างไม่ลังเลใจ ตัวรถสามารถไต่ระดับความเร็วได้อย่างต่อเนื่อง ตัวเลขบนเรือนไมล์พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนทะลุ 210 กม./ชม. ในช่วงสุดทางตรงของสนาม (เป็นความเร็วที่ใช้ในสถานที่ปิดและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ไม่แนะนำให้ใช้ความเร็วระดับนี้สำหรับการใช้งานทั่วไป) ก่อนที่จะต้องใช้เบรกอย่างรุนแรงเพื่อแต่งอาการก่อนที่จะเข้าโค้ง U-Turn ซึ่งระบบเบรกก็ให้การตอบสนองที่ดีเยี่ยม แม้จะมาในรูปแบบเดิมๆ จากโรงงาน แต่ก็สามารถสยบความเร็วได้แบบมั่นใจ “เอาอยู่” ซึ่งสิ่งหนึ่งที่อยากจะชื่นชมสำหรับ Yamaha XSR900 ก็คือ ระบบ Slipper Clutch ที่ช่วยลดอาการเหวอ หรือท้ายสะบัด ในยามที่เชนจ์เกียร์ลงอย่างรวดเร็ว การแบนเข้าโค้ง รวมถึงเปิดคันเร่งออกจากโค้งนั้น สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องแต่งอาการกันมาก และสามารถเปิดคันเร่งได้อย่างเต็มที่ แสดงถึงประสิทธิภาพของช่วงล่างที่ออกแบบและปรับเซ็ตมาได้อย่างน่าพอใจ ขี่ในสนามยังทำได้ขนาดนี้ ถ้าแค่ขี่ถนนบอกได้เลยว่า…เหลือๆ ครับ

                อย่าเพิ่งเชื่อ…จนกว่าจะได้สัมผัส เตรียมพบกับ Yamaha XSR900 แบบเต็มๆ อย่างยิ่งใหญ่ได้ในงาน Motor Expo 2016 ที่จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม ที่จะถึงนี้ ณ อิมแพค เมืองทองธานี

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : checkraka

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME

kawasaki ninja 1000 รถสปอร์ตทัวร์เรอร์สุดเท่ จากค่ายเขียว

 Kawasaki Ninja 1000 เป็นการเปลี่ยนหน้าตาครั้งที่ 3

ยังคงมอบความสะดวกสบายของการขับขี่ในสไตล์สปอร์ตได้อย่างน่าสนใจ

แฝงไปด้วยเสน่ห์ของรถทัวร์ริ่ง เติมเต็มพละกำลังขับเคลื่อน และความสุขุมในการควบคุมรถถึงขีดสุด Ninja 1000 ใหม่ 

มาพร้อมสมรรถนะทัวร์ริ่งที่สูงขึ้น ป้องกันลมปะทะดีขึ้น สะดวกสบายมากขึ้น รวมไปถึงกระเป๋าข้างที่ออกแบบติดตั้งให้เหมือนเป็นส่วนหนึ่งกับตัวรถ ดังนั้น ตระกลู Ninja โฉมใหม่ มาในลุคสปอร์ตเต็มพิกัด อีกทั้งยังพกพาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีขั้นสูงเท่าที่คาวาซากิมีมาด้วย Kawasaki Ninja 1000 โฉมใหม่ พร้อมแล้วที่จะตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายของผู้ขับขี่

kawasaki ninja 1000

 

kawasaki ninja 1000

 

kawasaki ninja 1000

        รูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวสไตล์ Ninja ตัวรถได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด

หน้ารถปราดเปรียวชวนให้นึกถึงซูเปอร์สปอร์ตของ Ninja อย่างไม่ต้องสงสัย

รูปร่างหน้าตาดุดันขึ้นด้วยชุดไฟหน้า LED ใหม่ ตัวรถดีไซน์สปอร์ต บาคาร่า สูตรบาคาร่า

ทรงพลังสะท้อนให้ Ninja 1000 เป็นรถที่มีศักยภาพอันเร้าใจยามขับขี่บนท้องถนน อีกทั้งยังมาพร้อมเฟรมท่อคู่แบบอลูมิเนียม

ให้ความแข็งแกร่ง และน้ำหนักที่เบากว่าเดิม เพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันลมปะทะ ด้วยชุดแฟริ่ง 2 ชิ้น ที่ออกแบบใหม่ให้กว้างขึ้น รวมไปถึงการออกแบบวินชิลด์หน้าใหม่ที่สูงขึ้น

และสามารถปรับระดับได้ 3 ระดับ ถังน้ำมันเชิ้อเพลิงใหม่ ที่สามารถบรรจุเชื้อเพลิงได้ถึง 19 ลิตร ปิดท้ายด้วยไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์ใหม่ ที่ให้ความโฉบเฉี่ยว ดุจรถสปอร์ตหรู เลนส์รมดำ เพิ่มความสปอร์ต

kawasaki ninja 1000

kawasaki ninja 1000

           แฮนด์รถยกสูงแบบแยกซ้าย-ขวา จับยึดบนแผงคอ โช้คอัพดีไซน์ใหม่ ให้ความรู้สึกของการขับขี่ในรูปแบบรถสปอร์ต พร้อมท่วงท่าที่เร้าใจในการขับขี่ ซึ่งแฮนด์รถนั้นจับยึดกับแกนโช้คอัพบนแผงคอดีไซน์ใหม่ รวมไปถึงแผงมาตรวัดแบบมัลติฟังก์ชั่นใหม่ ที่ดีไซน์ล้ำสมัย และมอบความสะดวกสบายที่ครบครัน ประกอบด้วยมาตรวัดรอบเครื่องยนต์แบบอะนาล็อก ขนาบข้างด้วยชุดไฟเตือนต่างๆ และไฟบอกตำแหน่งเกียร์ รวมถึงหน้าจอ LCD มัลติฟังก์ชั่นที่ติดตั้งอยู่อีกด้านหนึ่ง Kawasaki Ninja 1000 ใหม่ ยังมาพร้อมกับก้านคลัชท์ปรับระยะ 5 ระดับ อีกด้วย หน้าปัดเรือนไมล์แบบมัลติฟังก์ชั่นดีไซน์ล้ำสมัย พร้อมจอ LCD บอกค่ารายละเอียดแยกส่วน

kawasaki ninja 1000

          เครื่องยนต์สมรรถนะสูง 4 สูบเรียง 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ปริมาตรกระบอกสูบ 1,043 ซีซี. รีดแรงม้า ได้ทุกรอบเครื่องยนต์ พละกำลังไม่ตก ก่อนถึงเรดไลน์ เครืองยนต์นี้ให้ทั้งความสนุก ตอบสนองเป็นเยี่ยม กำลังเครื่องยนต์หนักแน่นในย่านความเร็วรอบเครื่องยนต์ปานกลาง เสียงเครื่องยนต์เร้าใจ โดยมีการปรับตั้งเครื่องยนต์ใหม่ เพื่อช่วยให้เครื่องยนต์เดินเรียบ กำลังเครื่องไม่สะดุด เร่งแรง และช่วยให้ควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ การส่งผ่านกำลังทำได้อย่างราบรื่น แต่รอบเครื่องกวาดสูงขึ้นจนรู้สึกได้ตั้งแต่ประมาณ 7,000 รอบ/นาทีขึ้นไป การตอบสนองในช่วงความเร็วรอบเครื่องยนต์กลางถึงสูงทำได้อย่างราบรื่นต่อเนืองไม่สะดุด จึงช่วยให้ควบคุมเสถียรภาพของรถได้อย่างยอดเยี่ยม ขุมพลัง 4 สูบเรียงขนาด 1,043 ซีซี. ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ ให้ตอบสนองทุกย่านความเร็ว

          โช้คอัพหน้าแบบหัวกลับ Upside Down และระบบกันสะเทือนหลังแบบ Back-Link ขนาด 41 มม. ระยะยุบ และยืดแบบจังหวะเดียว (Stepless) ความละเอียดสูงมาพร้อมกับค่าพรีโหลดสปริงที่สามารถปรับได้ การปรับตั้งโช้คอัพ และก้านต่อใหม่ ช่วยปรับปรุงระบบรองรับให้ดูดซับแรงสั่นสะเทือน และรองรับแรงกระแทกได้ดีขึ้น ก้านต่อใหม่ยังมีส่วนช่วยให้ความสูงเบาะนั่งอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าเดิมด้วย (820 มม. >> 815 มม.) Kawasaki Ninija 1000 ใหม่ มาพร้อมระบบช่วงล่างที่ได้รับการพัฒนาใหม่ เพื่อทุกการเดินทางที่มั่นใจ

          ส่วนระบบกันสะเทือนด้านหลังเป็นแบบ Back-Link ที่วางโช้คอัพในแนวนอน ทำงานร่วมกับกระเดืองที่สวิงอาร์มออกแบบใหม่ ที่ให้น้ำหนักเบากว่าเดิม ส่วนระบบเบรคด้านหน้ามาพร้อมดิสก์เบรกแบบมีร่องระบายความร้อนขนาด 300 มม. ทำงานร่วมกับคาลิเปอร์เบรคโมโนบล็อก 4 POT ส่วนด้านหลังเป็นแบบดิสก์เบรกเดี่ยวมีร่องระบายความร้อนขนาด 250 มม.

        ระบบ KCMF (ฟังก์ชั่นช่วยควบคุมการเข้าโค้งของคาวาซากิ) ระบบนี้ช่วยยับยั้งแรงเบรก และกำลังเครื่องยนต์เพือให้การเร่งความเร็ว, การเบรก และเร่งอีกครั้งส่งผ่านได้อย่างราบรื่นตลอดกระบวนการ และยังช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าโค้งได้ตามไลน์ทีตั้งใจ

        KTRC (ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีของคาวาซากิ) ช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับขี่แบบสปอร์ต หรือช่วยให้พารถข้ามผ่านพื้นผิวถนนที่มีสภาพเปียกลื่นได้อย่างมั่นใจ

        KIBS (ระบบป้องกันเบรกล็อคอัจฉริยะของคาวาซากิ) ระบบจัดการเบรกความแม่นยำสูงระดับซูเปอร์สปอร์ต ช่วยควบคุมการเบรกในโค้ง โดยยับยั้งแรงเบรกเพือช่วยรักษาอาการไม่ให้รถยกตัวขึ้นขณะเบรกในทางโค้ง บาคาร่า สูตรบาคาร่า

        พาวเวอร์โหมด ผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้งานโหมด Full Power หรือโหมด Low Power เพื่อตั้งค่ากำลังเครืองยนต์ให้เหมาะสมกับสภาวะการขับขี่ที่ต้องการได้

          อุปกรณ์เสริมของแท้จากคาวาซากิช่วยเติมเต็มความเป็นรถสปอร์ตทัวร์ริ่งให้กับ Ninja 1000 ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋าข้าง GIVI (28 ลิตร) กล่องท้ายเบาะ GIVI ขนาดใหญ่ (47 ลิตร) เบาะทรงต่ำ ERGO-FIT ฟังก์ชั่นทำความร้อนที่แฮนด์รถ (Grip heaters) ช่องจ่ายไฟ DC สไลเดอร์กันล้มในจุดต่างๆ ฯลฯ

          สำหรับราคาค่าตัวของ Kawasaki Ninja 1000 ใหม่คันนี้ อยู่ที่ 664,000 บาท สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ Kawasaki ทั่วประเทศ

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : boxzaracing

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME

C400GT รถสกู๊ตเตอร์ 350cc จากค่าย BMW

BMW C400GT สกู๊ตเตอร์ 350 ซีซี สูบเดี่ยว จาก BMW ให้พลัง 34 แรงม้า ครอบคลุมทั้งการใช้งานและเดินทางท่องเที่ยว ด้วยรูปลักษณ์สวยสปอร์ตสะดุดตา ดูทันสมัยไปกับหน้าจอ TFT แต่ต้องแลกด้วยค่าตัวไม่ธรรมดา และอาจต้องเพิ่มออปชั่นสำหรับผู้ที่มีสัมภาระในการเดินทางประจำ

 
C400GT
BMW C400GT ใหม่ สะดุดตา ด้วยการออกแบบที่สวย สปอร์ต ลงตัวในทุกมุมมอง วัสดุและการประกอบเนี๊ยบตามระดับคุณภาพของแบรนด์เยอรมนี เป็นสกู๊ตเตอร์ที่สวย ตั้งแต่แรกเห็น สะดุดตา ด้วยไฟหน้าแอลอีดีคู่ขนานชัดเจนเด่นสุดในคลาส ชิลด์หน้าสูงพอบังการปะทะของลมเวลาวิ่งด้วยความเร็วเดินทางไกล แต่ไม่สามารถปรับระดับได้ นับเป็นจุดที่อยากเห็นในการเปลี่ยนแปลงครั้งต่อไป ไฟเลี้ยวด้านหน้าฝังตัวกลมกลืนไปกับแฟริ่งชิ้นล่าง ที่ออกแบบโค้งรับการแนววางเท้า และป้องกันการดีดกระเด็ดสิ่งสกปรกจากล้อหน้า
C400GT
เมื่อนั่งคร่อมแล้วพบว่าหน้าจอแสดงผลของ C400GT ให้ความคุ้นเคยสำหรับผู้ที่ใช้มอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูมาก่อน ด้วยจอ TFT ขนาด 6.5 นิ้ว สั่งงานและแสดงผลด้วย ระบบ CAN ซึ่งรวมการเชื่อมต่อต่างๆ ของรถ เช่น ECU, ABS, ระบบเซฟตี้และช่วยเหลือต่างๆ รวมทั้งบลูทูธ บาคาร่า สูตรบาคาร่า
C400GT
ส่วนเรื่องอรรถประโยชน์คอนโซลด้านหน้าแบ่งช่องเก็บของไว้สองฝั่งเหมือนสกู๊ตเตอร์อื่นๆ ในคลาสเดียวกัน แต่พื้นที่เก็บของใต้เบาะที่ใช้คำว่า Flexcase เป็นจุดที่ทำให้แปลกใจอยู่ไม่น้อย คือ พื้นด้านล่างสามารถปรับลงไปได้อีกเพียงแค่เลื่อนที่ปรับ แต่ก็ไม่ได้ทำให้พื้นที่เก็บของมากขึ้นเพียงพออย่างที่ควรจะเป็น สามารถเก็บได้แค่สมุด หนังสือ อุปกรณ์ชิ้นเล็ก และการปรับระดับพื้นลงไปก็ทำได้ก็ต่อเมื่อรถหยุดเท่านั้น จุดเด่นที่มากลบจุดด้อยตรงนี้ได้ดีก็คือ ระบบคีย์เลส ของตัวรถที่ให้ความสะดวกสบายเพียงแค่พกติดตัว 
 สเปค บีเอ็มดับเบิลยู C400GT

เครื่องยนต์ 1 สูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ

กระบอกสูบ 80 มม. x 69.6 มม.  

ความจุเครื่องยนต์  350 ซีซี

แรงม้า 25 กิโลวัตต์ (34 แรงม้า) ที่ 7,500 รอบต่อนาที                  

แรงบิด 35 นิวตันเมตร ที่ 6,000 รอบต่อนาที     

อัตรากำลังอัด 11.5:1      

ความเร็วสูงสุด 139 กม./ชม.

อัตราการบริโภคน้ำมัน  3.51 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร

ประเภทน้ำมัน น้ำมันเชื้อเพลิงไร้สารตะกั่ว รองรับค่าออกเทน 95 ขึ้นไป

 ระบบเกียร์ Stepless CVT gearbox  

เฟรมโครงสร้าง Steel tube construction with aluminum die cast unit      

ระบบกันสะเทือนล้อหน้า Telescopic front fork 35 mm        

ระบบกันสะเทือนล้อหลัง Double Aluminum swingarm, Double spring struts, adjustable preload       

ระยะกันสะเทือนระหว่างล้อหน้า/ ล้อหลัง  110 มม./ 112 มม.  

ระยะฐานล้อ 1,565 มม.      

ขนาดยางล้อหน้า 120/70 ZR 15

ขนาดยางล้อหลัง 150/70 ZR 14

ระบบเบรคล้อหน้า ดิสก์เบรคคู่ขนาด 265 มม. คาลิปเปอร์สี่สูบ

ระบบเบรคล้อหลัง ดิสก์เบรคเดี่ยว ขนาด 265 มม. คาลิปเปอร์ลูกสูบเดี่ยว 

ระบบ ABS BMW Motorrad ABS

ความยาว 2,210 มม.

ความกว้าง (รวมกระจก) 835 มม.  

ความสูงเบาะ 1,305 มม.

ระยะหว่างขา 1,760 มม.

น้ำหนักรถมอเตอร์ไซค์ (น้ำมันเต็มถัง)  212 กก. (น้ำหนักรถเปล่า 203 กก.)  

ความจุถังน้ำมัน 12.8 ลิตร

ปริมาณน้ำมันสำรอง 4 ลิตร

   
 
 
 
 
 
 
 

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME

NMAX 155 2020 โฉมใหม่จากทาง Yamaha

ภาพของ ยามาฮ่า Nmax ใหม่ ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป หลังมีภาพหลุดมากมายในโลกออน์ไลน์ทั้งภาพยื่นจดสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์, ภาพแต่งสีเพิ่มโดยคอมพิวเตอร์, ภาพการทดสอบบนถนน ฯลฯ ซึ่งสร้างความฮือฮาให้กับผู้ที่สนใจและรอคอยการปรับเปลี่ยนของยามาฮ่า เอ็นแมกซ์ ที่คงรูปลักษณ์มานาน โดยเฉพาะในเมืองไทยที่ผ่านมาปรับแค่สีใหม่ ไม่ได้ปรับสเปคหน้าจอ และโช๊คหลังเหมือนประเทศเพื่อนบ้าน บาคาร่า สูตรบาคาร่า

ย่างไรก็ตาม แม้ยามาฮ่า Nmax ใหม่ 2020 เป็นการปรับ Facelift ครั้งใหญ่ ทำให้รายละเอียดในหลายจุดแตกต่างไปจากเดิมทั้งด้านหน้าและหลัง แต่ภาพรวมของลายเส้น องศาต่างๆ ยังดูเหมือนเดิม เป็นรถที่ทำตลาดทั่วโลกเพราะฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ย่อมต้องมองให้ครอบคลุมในตลาดหลายภูมิภาค
NMAX
“ระบบไฟส่องสว่าง”
ด้านหน้า ตัวโคมออกแบบได้เพรียวบางลง แบ่งซ้าย-ขวา ไฟแต่ละฝั่งแบ่งเป็น 2 ห้องชัดเจน ต่างหน้าที่อาจเป็น สูง-ต่ำ หรือ DRL (Daytime Running Light) โดยรวมทรงโคมดูสปอร์ตปราดเปรียวขึ้น ไฟเลี้ยวถูกย้ายตำแหน่งให้ลงมาอยู่ต่ำกว่าเดิม ระดับเดียวกับบังโคลนหน้า ทำให้การมองเห็นจากด้านข้างได้ชัดเจนขึ้น
NMAX
 
ไฟท้าย ปรับเปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง โดยของรุ่นใหม่ดูคล้ายของรุ่นพี่อย่าง Xmax ที่แบ่งไฟซ้าย-ขวาได้ชัดขึ้น แต่ยังคงอยู่ในโคมเดียวกัน แต่ที่แยกออกมาคือ ไฟส่องป้ายทะเบียนที่เหมือนกับรุ่น Xmax เช่นกัน ต่างจากเดิมที่รวมอยู่กับไฟท้าย
 “มิเตอร์หน้าจอ”
รุ่นใหม่ใช้เป็นแบบมิเตอร์ดิจิทัลขนาด 5.8 นิ้ว เหมือนกับออโตเมติครุ่นใหม่อย่าง LEXI และ aerox 155 เป็นการหยิบส่วนที่มีไว้อยู่แล้วมาใช้อีกจุด แสดงผลได้หลากหลายและชัดเจนขึ้น ต่างจากเดิมที่เป็นทรงโค้งพื้นไฟแบล็คไลท์สีขาว 
NMAX
“ระบบกุญแจสมาร์ท”
กุญแจของ Nmax ใหม่ คาดว่าเป็นสมาร์ทคีย์หรือไม่ก็คีย์เลส ตามมาตรฐานระบบกุญแจของมอเตอร์ไซค์ออโตเมติครุ่นใหม่ๆ และน่าเป็นอีกส่วนที่ใช้เหมือนกับรุ่นข้างเคียงอย่าง aerox, LEXI และ Freego ส่วนนี้เป็นการปรับให้ Nmax ใหม่ดูทันสมัยตามยุคและคุ้มค่ามากขึ้น
NMAX
“ช่องใส่และเก็บของ”
ความแตกต่างระหว่างเดิมที่เว้นว่างไว้วางขวดน้ำได้ก็คือ ด้านขวามีฝาปิดและคงหนีไม่พ้นเป็นที่ชาร์จกับพอร์ต USB เหมือนกับรุ่นข้างเคียงอีกเช่นกัน 
“ล้อ”
การปรับเปลี่ยนลายล้ออัลลอยใหม่ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากหรือแปลกอะไร และคงเป็นอีกจุดที่ ใหม่หยิบยืมล้อรุ่นอื่นมาใช้ร่วม ขึ้นกับว่าจะใช้สีอะไร และก็ไม่ใช่ส่วนที่มีนัยสำคัญเรื่องการออกแบบมากนัก
 
สรุปการปรับเปลี่ยนแบบ FaceLift ของ Nmax 155 ใหม่ 2020 เมื่อเทียบกับรุ่นปัจจุบันแล้วมีความต่างที่มองออกได้อย่างชัดเจนในเกือบทุกจุด แต่ภาพรวมของตัวรถก็ยังเหมือนเดิม แม้เครื่องยนต์และระบบช่วงล่างยังคงเดิม แต่ด้วยสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ทำงานผสานกับระบบ VVA ให้กำลังที่น่าประทับใจ ผ่านการพิสูจน์โดยผู้ใช้จริงมานานก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องค้นคว้าผลิตเครื่องยนต์ใหม่คลาสเดียวกันมาแทนแต่อย่างใด
เช่นเดียวกับระบบช่วงล่าง (แต่มีพาร์ตอัปเกรดในตลาดมากมาย) จากนี้คือ รอเวลาของการเปิดตัว ต้องจับตาดูที่ประเทศอินโดนิเซียตลาดใหญ่ก่อนว่าเมื่อไหร่ จากนั้นก็น่าจะเป็นคิวที่เมืองไทยได้เห็นและสัมผัสกัน 
เครื่องยนต์4 จังหวะ สูบเดี่ยว 
ปริมาตรกระบอกสูบ155 ซีซี 
ระบบวาล์วSOHC 4 วาล์ว พร้อมเทคโนโลยีวาล์วแปรผัน (VVA)
ระบบระบายความร้อนระบายความร้อนด้วยน้ำ
ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก58.0 x 58.7 มม.
อัตราส่วนแรงอัด10.5 : 1
ระบบเกียร์ออโตเมติก แบบสายพานตัววี (V-Belt)
ระบบคลัทช์คลัตช์แห้ง ชนิดแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางอัตโนมัติ
ระบบจุดระเบิดT.C.I.
ระบบสตาร์ทสตาร์ทมือด้วยระบบไฟฟ้า
ระบบจ่าบน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด
ระบบกันสะเทือนหน้าโช้คอัพคู่ เทเลสโคปิค
ระบบกันสะเทือนหลังโช้คอัพสปริงคู่ ยูนิตสวิง
ระบบเบรกหน้าดิสก์เบรกลูกสูบเดี่ยวแบบ พร้อม ABS
ระบบเบรกหลังดิสก์เบรกลูกสูบเดี่ยวแบบ พร้อม ABS
ขนาดยางหน้า110/70-13M/C 48P
ขนาดยางหลัง130/70-13M/C 63P
ล้อล้อแม็ก NMAX (2DP4)
ขนาด กว้าง x ยาว x สูง740 x 1,955 x 1,115 มม.
ระยะห่างช่วงล้อ1,350 มม.
ระยะห่างจากพื้น135 มม.
ความสูงจากพื้นถึงเบาะ765 มม.
น้ำมันเชื้อเพลิงน้ำมันแก๊สโซฮอล์ค่าออกเทน 91 ขึ้นไป หรือ E20
ความจุน้ำมันเครื่อง0.90 ลิตร
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง6.6 ลิตร
น้ำหนักสุทธิ127 กก.

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : 108engine

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME

5 อันดับ รถมอเตอร์ไซต์ ออโตเมติก ของค่าย Yamaha

ส่วนนี้จะเป็นการรวมรถ ออโตเมติก ของยามาฮ่ากันถึง 8 รุ่น ยอดฮิตที่มีทั้ง Nmax, Xmax, Grand Filano Hybrid, LEXi – LEXi S, Fino 2019, GT125, AEROX 155, และ QBIX  โดยได้แรงสนับสนุนจากผู้บริหารใจดีของยามาฮ่า นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร และนางสรวงสุดา มนัสบุญเพิ่มพูล ผู้จัดการทั่วไปอาวุโสฝ่ายการตลาดกลุ่มรถออโตเมติก และตราสินค้า บริหารลูกค้าสัมพันธ์ ประชาสัมพันธ์ และสื่อดิจิทัล พร้อมผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด และนำทัพขับพาสื่อมวลชน เที่ยวชมธรรมชาติกันที่สวนผึ้งด้วย

ออโตเมติก
อันดับที่ 5 QBIX 125 (ราคาเริ่มต้น 54,000 – 60,400 บาท)
เริ่มที่ อันดับที่ 5  ยามาฮ่า Qbix 125 รถที่มีสไตล์โดดเด่น ไม่เหมือนชาวบ้าน ด้วยดีไซน์ที่ล้ำ หน้าแบนเรียบ แต่ที่เด่นและโดนใจวัยรุ่นคงจะเป็นสีสัน ที่มีให้เลือกเยอะมากแบบละลานตา ดีไซน์ที่ออกแบบมาเท่ แต่แฝงความน่ารักแบบมินิ ขี่ในเมืองคล่องตัวใช้ได้ ด้วยหน้าสั้น หักเลี้ยวได้คล่อง ซอกแซกสบาย ผู้หญิงขี่ได้ ผู้ชายก็ขี่สบาย หนุ่มสาว วัยรุ่นถูกใจสิ่งนี้ เลยกวาดยอดขายไปสวยๆ ตั้งแต่ต้นปี – กรกฎาคม 2562 ที่ = 7394 คัน 
 
Qbix เครื่องยนต์ BLUE CORE 125 ซีซี เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ ระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้น ลดการสูญเสียกำลัง ช่วยให้สมรรถนะความแรงมาพร้อมกับความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และช่วยลดมลพิษ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมตอบสนองผู้ขับขี่ยุคใหม่ด้วยฟีเจอร์อันโดดเด่นอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น FULL LED HEADLIGHT ไฟหน้าและไฟหรี่แบบ LED พร้อม FULL LED TAILLIGHT ไฟท้ายและไฟเบรก LED ที่มีดีไซน์แตกต่างไม่ซ้ำใคร บาคาร่า สูตรบาคาร่า
 
เรือนไมล์แบบ FULL LCD ดีไซน์สไตล์ Gadget สุดล้ำ, ช่องต่อชาร์จไฟแบบรถยนต์ MOBILE CHARGER SOCKET, ที่เก็บของใต้เบาะใหญ่ 22.5 ลิตร เก็บ Gadget ส่วนตัวได้เพียบ พร้อมไฟส่องสว่าง, กุญแจรีโมท ANSWER BACK SYSTEM เปิดช่องกุญแจอัตโนมัติ และส่งสัญญาณบอกตำแหน่งรถ, ระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ STOP & START SYSTEM เครื่องยนต์จะหยุดทำงานอัตโนมัติเมื่อรถจอดนิ่ง และเพียงบิดคันเร่งเครื่องยนต์จะทำงานต่อทันที ช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น รักษาสิ่งแวดล้อม
 
ออโตเมติก
อันดับที่ 4 Yamaha Xmax 300 ราคา 168,000 – 168,600 บาท
ขยับมารุ่นใหญ่ที่เหมาะกับ หนุ่มๆ สาวๆ วัยทำงาน และยิ่งถ้าเป็นคนที่ชอบท่องเที่ยวและขับทางไกล Xmax 300 ถือว่าตอบโจทย์คุณได้ดีทีเดียว ในเรื่องดีไซน์คงไม่ต้องพูดเยอะ เพราะเห็นด้วยตา จะหันซ้ายหันขวา มุมไหนมันก็ดูหล่อ ไฟหน้าก็มาแบบ LED ส่องสว่างแต่ไกล เบาะนั่งขนาดใหญ่รองรับการเดินทางไกล จะไปเป็นคู่ หรือจะซิ่งแบบ Alone ก็พาคุณไปแบบไม่เมื่อย แถมยังประหยัดใช้ได้ โช๊คอัพก็ให้มาดี ซับแรงกระแทกให้ความนิ่มนวล ลงตัวสุดๆ ขึ้นแท่นรถขายดีด้วยยอดจำหน่ายตั้งแต่ต้นปี – กรกฎาคม 2562 ที่ 10,066 คัน 
 
Yamaha XMAX 300 สปอร์ต ออโตเมติก ระดับพรีเมียม เครื่องยนต์ 1 สูบ 292 ซีซี เทคโนโลยี Blue Core 27.62 แรงม้า แรงบิด 29 นิวตันเมตร เกียร์ CVT เด่นด้วย Smart Key system ระบบกุญแจสมาร์ทคีย์ อัจฉริยะ ทุกการควบคุมรถทั้งคัน ทั้งการสตาร์ทหรือดับเครื่องยนต์ การปลดล็อคแฮนด์รถ ปลดล็อคเบาะ ปลดล็อคฝาปิดถังน้ำมัน รวมทั้งเป็นสัญญาณตอบรับ ANSWER BACK ช่วยเพิ่มความเรียบง่าย และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โช๊คอัพหน้ามาพร้อมแกนโช๊คขนาดใหญ่ถึง 33 มม. เพิ่มสมรรถนะการซับแรงสั่นสะเทือนได้นุ่มนวลอย่างสมดุล 
 
โดยออกแบบใหม่ให้กว้างรับกับล้อแม็ก และยางขนาดใหญ่กว่าเดิม เบา แข็งแรง รับกับตัวรถ พร้อมตอบสนองการขับขี่ได้อย่างเร้าใจทั้งบนถนน และในสนาม อีกทั้งยังก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ด้วยระบบเบรก ABS ช่วยป้องกันล้อล็อคหากเกิดการเบรกกะทันหัน พร้อมระบบ Traction Control System (TCS) ที่จะช่วยปรับสมดุลกำลังของเครื่องยนต์ เมื่อล้อหน้า และล้อหลังหมุนไม่สัมพันธ์กัน เป็นการเพิ่มความปลอดภัยขึ้นอีกระดับให้กับสปอร์ตออโตเมติกระดับพรีเมียมคันแรกของเมืองไทย
ออโตเมติก
อันดับที่ 3 ยามาฮ่า Aerox 155 ราคาเริ่มต้น 63,900 – 74,400 บาท 
รถสกู๊ตเตอร์ ออโตเมติก ดีไซน์กึ่งสปอร์ต จะบอกว่าเป็นรถที่เร้าใจตลอดเหมือนพร้อมพาลงสนามแข่งเสมอที่ทั้งแบบมี ABS และไม่มี ABS ให้เลือก โดยเมื่อต้นปีมีการพิสูจน์อัตราความประหยัดของเจ้า Aerox 155 โดยขับข้ามประเทศฝั่งด้ามขวาน ไปยังเซปัง มาเลเซีย ก็ได้ผลตอบรับมาแบบถูกอกถูกใจ สาวก Aerox รุ่นใหม่ ทั้งประหยัดกว่าเดิม เครื่องแน่น ตีนต้น กลาง ปลาย สมูทไหลลื่น ตามสไตล์รถ 155 สำหรับคนชอบความแรง เท่ เหมาะกับหนุ่มๆ วัยทำงานที่ยังต้องการความเร้าใจ คันนี้ตอบโจทย์คุณอย่างแรง เลยกวาดยอดขายไปสวยๆ ขึ้นแท่นมาอันดับ 3 ตั้งแต่ต้นปี – กรกฎาคม 2562 ที่ 13,277 คัน 
 
Yamaha Areox 155 รุ่นปี 2019 จิตวิญญาณแชมป์ สปอร์ตตัวจริงในทุกรายละเอียดตั้งแต่หน้าจรดท้าย ตั้งแต่ Full LCD Digital Meter มิเตอร์ดิจิตอลแบบ Negative ขนาดใหญ่ 5.8 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ตโมเดิร์น ครบทุกฟังก์ชัน พร้อมไฟแสดงการทำงานระบบวาล์วแปรผัน (VVA) และตัววัดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันแบบเรียลไทม์ Twin LED Headlights ไฟหน้าคู่แบบ LED ดีไซน์สปอร์ตดุดัน สว่างชัดทุกระยะ LED Taillight ไฟท้าย LED ดีไซน์ตามแบบรถสายพันธุ์สปอร์ต พร้อมที่จับกันตกแบบบิวท์อิน Mega Box ที่เก็บของขนาด 25 ลิตร ใหญ่จุใจ สามารถใส่หมวกกันน็อคแบบเต็มใบได้ 
 
ฝาเปิดถังน้ำมันกลางตัวรถ เติมน้ำมันสะดวก ไม่ต้องลงจากรถ ช่องต่อชาร์จแบตมือถือหรือไฟสำรอง พร้อมช่องเก็บของด้านหน้า ให้ความสะดวกสบาย ล้อหลังใหญ่ 14 นิ้ว หน้ายางกว้าง 140 มม. ยึดเกาะถนนได้ดี Yamaha Areox 155 รุ่นปี 2019 มาพร้อมเทคโนโลยีความแรงด้วยเครื่องยนต์เจนเนเรชั่นใหม่อย่าง BLUE CORE 155 ซีซี ระบบวาล์วแปรผัน VVA และ ดีไซน์สไตล์เรซซิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นสปอร์ตตัวจริง ระบบ SMG (Smart Motor Generator) ที่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้รวดเร็ว และเงียบยิ่งกว่า 
 
นอกจากนี้ยังได้รับการติดตั้งระบบวาล์วแปรผัน VVA (Variable Valve Actuation) ซึ่งเป็นระบบแบบเดียวกับในยนตรกรรมชั้นนำ ช่วยให้ทุกจังหวะของการขับขี่ ทั้งรอบต่ำ กลาง และสูง ตอบสนองดังใจทุกแรงบิด พร้อมประหยัดน้ำมันในทุกระดับความเร็ว
 
ออโตเมติก
อันดับที่ 2 Yamaha Nmax ราคา 78,200 – 81,000.-
หนุ่มแมสเซนเจอร์หรือคนมีครอบครัวต้องเทใจให้คันนี้ Nmax สกู๊ตเตอร์ที่องค์ความลงตัวสวมมงลงมาครบ ทั้งดีไซน์ ขนาด มี ABS ดิสหน้า-หลัง ช่องใส่ของก็ใหญ่ ตีนต้นไม่ต้องลุ้นให้เหนื่อย กลาง ปลาย จัดจ้านเลยเป็นที่ถูกอกถูกใจ ทั้งพี่วิน และแมสเซนเจอร์ที่ต้องทำเวลา สาวก Nmax ทั้งหลายยังพร้อมตั้งตารอชมโฉมใหม่ของขวัญใจรถครอบครัวคันนี้ ซึ่งก็ยังคงไร้วี่แวว แต่ยังพอลุ้น.. ยอดขายตั้งแต่ต้นปี – กรกฎาคม 2562 อยู่ที่ 14,719 คัน
 
YAMAHA NMAX 155cc  รถ ออโตเมติก ที่ให้ทั้งความแรง และความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ด้วยเครื่องยนต์ BLUE CORE ขนาด 155cc เทคโนโลยีแห่งความแรง และความประหยัดเหนือระดับ พร้อมฟีเจอร์สุดล้ำ ตอบสนองทุกความเร้าใจไปกับชีวิตเต็มแม็กซ์ YAMAHA NMAX 155cc สีใหม่ มาพร้อมดีไซน์หรูหราพร้อมฟีเจอร์สุดล้ำด้วยหน้าปัด FULL LCD ล้ำเต็มแม็กซ์ดีไซน์สปอร์ตพร้อมแสดงอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันแบบเรียลไทม์ 
 
ไฟแบ็คไลท์ LED สีขาว หรูหรา เห็นชัดเจนทั้งกลางวัน และกลางคืน,ไฟหน้า FULL LED พร้อมไฟเบรก LED หรู เต็มแม็กซ์โดดเด่นทุกมุมมอง ดีไซน์หรูหราสไตล์สปอร์ต สว่างชัดเจนทุกระยะ, Max box 25 ลิตร ใหญ่ เต็มแม็กซ์ เก็บหมวกกันน็อคเต็มใบไซส์ XL ได้ เบาะเปิดค้างอัตโนมัติแบบนุ่มนวลด้วย Coil Spring, ดิสก์เบรกหน้า-หลัง พร้อม ระบบเบรก ABS มั่นใจเต็มแม็กซ์ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเพื่อความปลอดภัย ช่วยป้องกันล้อล็อค เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่
 
Image result for grand filano
 
อันดับที่ 1 Grand Filano Hybrid ราคาเริ่มต้น 57,500 – 62,000 บาท
Yamaha Grand Filano Hybrid แกรนด์ ฟรีลาโน่ (ไฮบริด) คันนี้ ที่สุดของที่สุดแห่งความประหยัดและมีดีไซน์โมเดิร์น หยิบจับ จะแต่งอะไรก็สวย ยกให้เขาเลย Grand Filano Hybrid ขนาดผู้บริหารระดับสูง พี่หมู พงศธร และพี่บี๋ ต้องออกโรงมาขี่พาทัวร์ด้วยตัวเอง ทั้งอัตราเร่ง ความสมูท และดีไซน์น่ารัก ช่องเก็บของก็ใหญ่กว้าง ที่สำคัญพอเป็นรถที่กึ่งไฮบริดมันประหยัดน้ำมันแบบขอบอกตรงนี้! หากจะหารถใช้งานจริงๆ ทั้งกิน เที่ยว ขนของ หรือไปกันแบบ 2 ต่อ 2 กับคู่รัก อย่าลังเลเลยจ๊ะ ซื้อจ้าซื้อ // ยอดขายตั้งแต่ต้นปี – กรกฎาคม 2562 อยู่ที่ 37,649 คัน 
 
ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่ เอบริด เอบีเอส ใหม่ (Yamaha Grand Filano Hybrid ABS) เทคโนโลยีเครื่องยนต์ BLUE CORE น้ำหนักลดลง 840 กรัม เทคโนโลยีแห่งความแรง และความประหยัด ด้วยระบบหัวฉีดอัจฉริยะ และกระบอกสูบไดอะซิลที่ออกแบบครีบระบายความร้อนใหม่ เผาไหม้สมบูรณ์ขึ้น อัตราส่วนกำลังอัดสูงถึง 11:1 จุดระเบิดดีขึ้น ลดแรงเสียดทาน และระบายความร้อนได้ดีขึ้น แบบ 1 สูบ 2 วาล์ว SOHC 125 ซีซี 8.2 แรงม้า แรงบิด 10.2 นิวตันเมตร 
 
ส่งกำลังด้วยระบบ V-Belt ติดตั้ง SMG – ระบบสมาร์ทมอเตอร์เจนเนอเรเตอร์ ผสานการทำงานร่วมกันของระบบสตาร์ทเครื่องยนต์และผลิตกระแสไฟฟ้า เพิ่มระบบกุญแจสมาร์ทคีย์ และ Stop & Start System สตาร์ทได้เงียบ เครื่องยนต์สั่นสะเทือนน้อยลง และยังเป็นเทคโนโลยีอัจฉริยะช่วยที่ลดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ ลดมลพิษ ระบบ HYBRID จะช่วยเพิ่มแรงขับขณะออกตัว พร้อมดิสก์เบรคหน้าพร้อม ABS ดรัมเบรคหลัง ล้อแม็ก 12 นิ้ว ยางขนาด 110/ 70/12 มี 2 สีสุดหรูให้เลือกคือ สีดำ และสีขาว

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME

Aprilia RSV4 RF อัดเต็มไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ

Aprilia  RSV4  RF เรียกได้ว่าเป็นรถบิ๊กไบค์อีกหนึ่งรุ่นที่เป็นรถในฝันของใครหลายๆคน ซึ่ง Aprilia ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Moto Expo 2016 ซึ่งในตอนที่นำเข้ามาเปิดตัวทางค่ายก็สามารถเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว โดย Aprilia ในประเทศไทยของเรานั้น ได้เปิดตัวออกมา 3 รุ่นด้วยกัน จะมีเป็นส่วนของรุ่น Aprilia RSV4 RR , Aprilia RSV4 RF , Aprilia TUONO V4 1100 Factory และมีอีก 2 รุ่นพิเศษ ที่จะต้องสั่งจากโรงงานเท่านั้น ซึ่งเป็นรุ่น RSV4 FW มาพร้อมกำลังเครื่องยนต์ 230 แรงม้า และรุ่น RSV4 FW-GP มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์มากถึง 250 แรงม้ากันเลยทีเดียว บาคาร่า สูตรบาคาร่า

ในส่วนนี้เราจะนำเสนอ Aprilia RSV4 RF ปี 2016 ให้ได้รู้รายละเอียด ข้อมูล สเปค ราคารถ และตารางผ่อนดาวน์ให้ได้ทราบกัน Aprilia Traction Control เป็นระบบที่สามารถทำให้ผู้ขับขี่เปิดคันเร่งได้แบบเต็มที่ ระบบ ATC จะทำการจัดการแรงบิดลงล้อให้มากที่สุดโดยที่จะไม่มีการไถล สามารถปรับตั้งได้ในขณะที่ผู้ใช้กำลังขับขี่อยู่ได้ถึง 8 ระดับกันเลยทีเดียว Aprilia Wheelie Control เป็นระบบที่ทำงานร่วมกันกับระบบ ATC เพื่อลดอาการยกล้อหน้าปรับตั้งได้ 3 ระดับกันเลยทีเดียว Aprilia Launch Control เป็นระบบล็อครอบช่วยในการออกตัวจากจุดสตาร์ทในสนามแข่งสามารถปรับตั้งได้ 3 ระดับกันเลยทีเดียว Aprilia Quick Shift ไม่ต้องอธิบายอะไรมากสำหรับระบบนี้ รู้ๆกันอยู่แล้วว่าเป็นระบบที่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้โดยไม่ต้องกำคลัทช์และยกคันเร่งเลย

Aprilia RSV4 RF

เอพริลเลีย อาร์เอสวี4 อาร์เอฟ มาพร้อมหน้าปัดเรือนไมล์แบบ ดิจิตอล แสดงผลมาตรวัดความเร็ว มาตรวัดรอบเครื่องยนต์ มาตรวัดระยะทาง มาตรวัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิง ระดับความร้อน นาฬิกา ระดับเกียร์ โหมดการขับขี่แบบต่างๆ และยังมีไฟแจ้งเตือนต่างๆอยู่ด้านข้าง ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบ Öhlins ปรับได้เต็มรูปแบบทั้งระบบ Preload/Compression/Rebound Damping พร้อมระยะยุบที่ 120 มม. ระบบกันสะเทือนด้านหลังแบบ Öhlins ปรับได้ทั้งระบบ Preload/Compression/Rebound Damping พร้อมระยะยุบที่ 130 มม. ระบบเบรกด้านหน้าแบบ ดิสก์คู่ขนาด 320 มม. แบบ Floating พร้อมปั๊มเบรกล่าง Brembo M430 monobloc ระบบเบรกด้านหลังแบบ ดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 220 มม. ปั๊มเบรกจากทางค่าย Brembo ล้อแม็กซ์ขนาด 17 นิ้ว ทั้งหน้าและหลัง ยางหน้าขนาด 120/70 ZR 17 ยางหลังขนาด 200/55 ZR 17 กันสะบัด ด้านหน้าใช้เป็นของ Öhlins ปรับระดับได้ กันสะเทือนหน้าใช้เป็นของ Öhlins ปรับได้เต็มรูปแบบพร้อมระยะยุบที่ 120 มม. กันสะเทือนหลังใช้เป็นของ Öhlins ใช่กัน ระยะยุบที่ 130 มม. มาพร้อมล้อ Forged Aluminum Alloy แบบ 5 ก้าน

รายละเอียดข้อมูล Aprilia RSV4 RF เพิ่มเติม

เอพริลเลีย อาร์เอสวี4 อาร์เอฟ มาพร้อมเครื่องยนต์ V4 ที่วางสูบให้เป็นรูปตัว V และทำมุมระหว่างกัน 65 องศา เป็นเอกลักษณ์ของทางค่าย DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดเครื่องยนต์ที่ให้มาขนาด 999.6 ซีซี ระบบเกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีด กำลังเครื่องยนต์ที่ทำได้ 148 กิโลวัตต์ ( 201 แรงม้า ) ที่ 13,000 รอบ/นาที แรงบิด 115 นิวตันเมตร ที่ 10,500 รอบ/นาที พร้อมมาตรฐานไอเสียระดับ euro 3 ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแลล หัวฉีดแบบรับอากาศแบบผันแปรควบคุมการทำงานด้วย ECU ขนาดความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 18.5 ลิตร น้ำหนักตัวรถ 180 กิโลกรัม

ภาพ Aprilia RSV4 RF ด้านหน้า

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME

CBR 250RR รถสปอร์ตสุดแรง จากค่ายปีกนก Honda

Honda CBR 250RR คันนี้ได้โอกาสนำมาขี่จริงบนถนน เสมือนการใช้งานในชีวิตประจำวัน มาดูกันว่า สปอร์ตไลท์เวท งานเมดอินเจแปน ที่มีราคาค่าตัวไม่เกินสามแสนบาทจะตอบสนองขี่บนถนนเมืองไทยที่ไม่เหมือนที่ใดในโลกได้ดีแค่ไหน โดยเฉพาะการใช้งานในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น 
cbr 250rr
 
Honda CBR 250RR ขุมพลังความแรง จากญี่ปุ่นเป็นเครื่องยนต์พิกัด 249 ซีซี DOHC 4 วาล์ว 2 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลังสูงสุด 38 แรงม้า ที่ 12,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 23 นิวตันเมตร ที่ 11,000 รอบต่อนาที ตัวเครื่องขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบา ส่งกำลังผ่านเกียร์ 6 สปีด ลงยางหน้าแบบทูปเลส 110 / 70R17, หลัง 140 / 70R17 โดยมีน้ำหนักตัว 168 กก. เบาะสูง 790 มม. บาคาร่า สูตรบาคาร่า
CBR 250RR
 
 
 
cbr 250rr
 
Honda CBR250RR หลังจากได้ทดลองขี่จริงในสนามแข่งมาแล้ววึ่งตอนนั้นไม่คิดว่า CBR250RR จะตอบสนองการใช้งานในเมือง ได้ดีดั่งใจเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่ได้นำมาขี่จริงบนถนน ดูเหมือนจะเป็นการด่วนตัดสินใจสรุปเกินไป
เราลองนำสปอร์ตไบค์รหัสร้อน เมดอินเจแปน มาลองขี่ในเมืองให้รู้กัน
แทบไม่ต้องทำความรู้จักอะไรกันมาก เพราะคุ้นเคยกันมาพอสมควร แต่การขี่ครั้งนี้จะต่างไปจากครั้งก่อนโดยสิ้นเชิง เพราะตัวแปรบนถนนทำให้การขี่นั้นไม่เหมือนในสนาม ผู้เขียนเริ่มจากวิ่งในเมืองย่านชิดลมมุ่งหน้าถนนแจ้งวัฒนะที่การจราจรช่วงกลางวันไม่หนาแน่นเท่าไหร่ โดยเริ่มกับโหมด Comfort ที่ไม่ได้ใช้เลยตอนทดสอบในสนาม หลังจากขี่มาหาที่เก็บภาพแถวโลคัลโรด ความรู้สึกกับโหมด Comfort คือ อดทนไว้ เป็นโหมดที่ชวนอึดอัดในการใช้งาน แม้จะต้องขี่ในเมืองที่การจราจรหนาแน่นก็ตาม เดี๋ยวจะบอกให้อีกทีว่าโหมดนี้ควรใช้ตอนไหน ผู้เขียนขี่มากว่า 2 ชั่วโมงก็ทนไม่ไหวเปลี่ยนไปเป็นโหมด Sport แทน พร้อมเปลี่ยนเส้นทางมุ่งหน้าไปถนนพหลโยธินที่กำลังสร้างแนวรถไฟฟ้า นับเป็นการใช้งานเสมือนจริงแบบคนเมือง 
Image result for CBR250RR
หลังจากวนเวียนขี่ไปตามเส้นพหลโยธิน พร้อมเก็บภาพไปเรื่อยๆ จนใกล้เย็น
สามารถบอกความแตกต่าง
ได้ว่าโหมด Sport ตอบสนองการใช้งานในเมืองได้อย่างยอดเยี่ยม การเปิดคันเร่งเพื่อออกตัวเป็นไปอย่างกระฉับกระเฉง ผสานกับความคล่องตัว น้ำหนักรถที่เบา ทำให้เลาะเลี้ยวไปตามจังหวะการเคลื่อนตัวได้อย่างใจ หรือช่วงที่ถนนมีจังหวะโล่ง ก็สามารถเร่งทำความเร็ว สนุกไปกับอัตราเร่งได้ทันที การขับเคลื่อนเกียร์ต่อเกียร์ CBR250RR ทำได้อย่างราบรื่น เมื่อวิ่งบนถนนหลวง นับเป็นความประทับใจปนแปลกใจไม่น้อย ส่วนโหมด Sport+ นั้นได้ลองช่วงสั้นๆ พอสรุปได้ว่าเหมาะกับการขี่ทางไกล เดินทางไปตามถนนเขาที่มีความคดเคี้ยวก็คงสนุกไม่น้อย สำหรับโหมด Comfort ที่เกริ่นไว้ว่าเหมาะสมกับการขี่ช่วงไหน สำหรับผู้เขียนมันเหมาะกับการขี่ชิลตอนเดินทางไกลแบบอยากสัมผัสธรรมชาติทั้งสองข้างทาง หรือไปเรื่อยๆ แบบขี่ไปคิดไป เป็นช่วงพักเบรกการเดินทางโดยที่ไม่ต้องหยุด
หลังจากนั้นได้ขี่กลับเข้าในเมืองเพื่อวิ่งกลางคืนเส้นทางคือ ถนนสีลม การเลาะเลี้ยว
ฝ่ารถติดช่วงหัวค่ำของสีลมด้วย CBR250RR เป็นงานที่ไม่ได้สร้างความลำบากใจ เหมือนกับการขี่บิ๊กไบค์ และก็ไม่น่าเบื่อเหมือนมอเตอร์ไซด์คลาสเล็ก นอกจากนี้รูปลักษณ์ที่โดดเด่น สปอร์ตสวยงาม แถมยังสะดุดตาด้วยไฟหน้าคู่ส่องสว่างแบบฟูลแอลอีดี ทำให้เห็นรายละเอียดบนถนนด้านหน้าชัดเจน นอกจากนี้ดีไซน์ของตัวรถยังเรียกความสนใจ จากผู้คนรอบข้างให้หันมามองได้ จนถึงเวลาเกือบ 21.00 น. ผู้เขียนมาจอดแวะทานมื่อเย็นเหมือนคนเมืองทั่วไปและขี่กลับบ้านด้วยความพึงพอใจใน CBR250RR กว่าเดิม นับเป็นรถอีกรุ่นที่อยู่ในลิสต์มอเตอร์ไซด์ประทับใจของปี 2019 
cbr 250rr
Honda CBR250RR เป็นที่ฮือฮานับตั้งแต่เปิดตัว เพราะเป็นมอเตอร์ไซด์สปอร์ตตัวแรง
ในคลาสไม่เกิน 300 ซีซี
นำเข้าจากญี่ปุ่น เปิดตัวด้วยราคา 249,000 บาท
จับต้องเป็นเจ้าของได้
ไม่ยากสำหรับหลายคน แต่ด้วยราคาที่เกินรุ่นพี่อย่าง CBR500R อยู่ราว 3 หมื่นบาท
หลายคนตั้งคำถามถึงความคุ้มค่า จริงๆ ก็เปรียบเหมือนบุฟเฟ่ต์บางครั้ง
ไม่จำเป็นต้องกินเยอะขนาดนั้น ขอเลือกกินที่อร่อยจริงๆ และอิ่มเหมือนกัน จ่ายเท่ากันหรือแพงกว่าหน่อยก็อาจมีความสุขมากกว่าด้วยซ้ำ เช่นเดียวกับ CBR250RR ที่ทดสอบในสนามแข่งแล้ว ว่าให้ความสนุก และได้อารมณ์รถแข่งชัดเจนกว่าถ้าเทียบกับ CBR500R อีกทั้งเมื่อมาลองขี่บนถนนเสมือนการใช้งานจริงในครั้งนี้ก็รู้สึกได้ถึงความคล่องตัวและใช้งานง่าย ทั้งยังมีโหมดการขี่ให้เลือกได้ตามความชอบ ด้านเทคโนโลยีต่างๆ หลายจุดนำมาจากรุ่นพี่ราคาแพงอย่าง CBR1000R 
สรุป แค่มองรูปลักษณ์ภายนอก
ก็รู้สึกได้ถึงความพรีเมียม ที่เหนือกว่ารถระดับเดียวกัน
รายละเอียดการประกอบ ตลอดจนวัสดุที่ใช้ ตามมาตรฐานงานผลิตญี่ปุ่น และขุมเครื่องยนต์ ที่ตอบรับการขี่ได้อย่างสนุกสนานทั้งบนถนนและในสนามแข่ง ก็น่าจะทำให้หลายคน ตัดสินใจอยากจะได้เจ้า CBR250RR มาไว้ในครอบครอง ถ้าคิดว่าต้องเช่าซื้อ เมื่อคำนวณสินเชื่อโดยกรุงศรี ออโต้ เพื่อเป็นแนวทางการซื้อ ลองใช้เงินดาวน์ราว 4 หมื่นปลาย ก็สามารถผ่อน 48 งวด ได้ที่ 4 พันกว่าบาทต่อเดือนเท่านั้น 

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : checkraka

ที่มา : pgslot , PG SLOT , PGSLOTGAME